เร่งสางคดีอุ้มนักธุรกิจสิงคโปร์เรียกค่าไถ่

ฉะเชิงเทรา 13 ม.ค.-กรณีนักธุรกิจหนุ่มชาวสิงคโปร์โดนแก๊งเพื่อนชาวต่างชาติอุ้มเรียกค่าไถ่จาก จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนถูกปล่อยตัวในพื้นที่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก ล่าสุดตำรวจเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ยืนยันไม่เกิน 1-2 วันนี้มีข่าวดี

พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนายมาร์ค เชง นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ถูกนายคิม ไม่ทราบนามสกุล เพื่อนชาวสิงคโปร์ที่เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน อุ้มตัวไปเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 1 ล้านบาท และอ้างมีอดีตนักแสดงลูกครึ่งพัวพันพาผู้เสียหายขึ้นรถไปขังไว้กลางป่า และบังคับให้โอนเงินเข้าบิทคอยน์หลายล้านดอลลาร์ เมื่อขัดขืนก็ถูกทำร้ายและขู่ฆ่า แต่ผู้เสียหายหลบหนีออกมาได้ และเข้าแจ้งความตำรวจว่า คดีนี้นายคิมยอมรับเป็นคนวางแผนทั้งหมด เพราะรู้ว่านายมาร์คมีบิทคอยน์ และเป็นผู้ชำนาญการในเรื่องนี้ (มูลค่าต่อเหรียญคิดเป็นเงินไทย 280,000 บาท) จึงวางแผนชวนผู้เสียหายให้มาที่ไทย โดยนายคิมได้ติดต่อกับอดีตนักแสดง เนื่องจากรู้จักกัน ให้หาผู้ร่วมขบวนการ และมีการนัดหมายกันเรียบร้อย เพื่อจะวางแผนปล้นทรัพย์ โดยมีผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด 5 คน

วันเกิดเหตุ 9 มกราคม เวลาประมาณ 09.00 น.เศษ เมื่อผู้เสียหายถึงสนามบินสุวรรณภูมิ นายคิมได้เรียกแท็กซี่ให้พามาที่เกิดเหตุ คือปั๊มน้ำมันแถวสุวินทวงศ์ จากนั้นนัดผู้ร่วมขบวนการขับรถกระบะดำมารับ นายคิมหลอกพาผู้เสียหายมาที่หน้าปั๊ม เมื่อขึ้นรถกระบะได้ใช้ถุงคลุมหัว โดยที่นายคิมทำทีว่าถูกหลอกมาเหมือนกัน เพื่อให้ผู้เสียหายตายใจ จากนั้นมีการนำเครื่องดื่มผสมยาที่มีฤทธิ์ต่อประสาททำให้หลับ และพาไปที่ห้องเช่าแถวกบินทร์บุรี เมื่อไปถึงได้บังคับขู่เข็นให้ผู้เสียหายโอนเงินบิทคอยน์ และเช้าวันรุ่งขึ้นจึงนำตัวผู้เสียหายมาปล่อยริมทางในพื้นที่องครักษ์ จังหวัดนครนายก ก่อนที่ผู้เสียหายจะเข้าแจ้งความที่ สภ.องครักษ์ จนตำรวจรวบรวมหลักฐานและรวบตัวนายคิมได้

สอบสวนเบื้องต้นพบว่ากลุ่มคนร้ายไม่มีเจตนาฆ่า เพียงแค่ต้องการปล้นทรัพย์เท่านั้น ระหว่างทางจากปั๊มถึงบ้านพักมีคนอยู่บนรถกระบะสีดำ 3-4 คน โดยมีอดีตดาราเป็นคนขับรถให้ การตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าวันเกิดเหตุมีการบังคับให้ผู้เสียหายโอนเงินบิทคอยน์จำนวน 5.9 เหรียญ (มูลค่าต่อเหรียญคิดเป็นเงินไทย 280,000 บาท) คิดเป็นเงินไทย 1,400,000 บาท หลังจากนั้นนำบิทคอยน์ไปขายต่อและได้เงินกลับมา โดยโอนไปที่สิงคโปร์ 900,000 บาท และส่วนหนึ่งโอนมาที่ไทยประมาณ 400,000 บาท ซึ่งตำรวจได้ตามยึดเงินที่ไทยได้ประมาณ 300,000 บาท และอีก 900,000 บาท ประสานยึดกลับมาได้แล้ว เงินทั้งหมดที่ยึดได้เป็นของกลาง 1,200,000 บาท

ล่าสุดนายคิม หัวหน้าแก๊งอุ้มรีดเงินในครั้งนี้ ตำรวจ สภ.องครักษ์ จ.นครนายก นำตัวไปดำเนินคดีแล้ว โดยแจ้งข้อหาปล้นทรัพย์ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ร่วมกันทำร้ายผู้อื่น มีอาวุธเป็นเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่อนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร

คดีนี้ยังมีผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคน ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี ซึ่ง พล.ต.ท.มนตรี  ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 สั่งเร่งทำการสืบสวนในเรื่องของอิเล็กทรอนิกส์ทั้งระบบต่างๆ ของการเงิน เรื่องของชาวต่างชาติสิงคโปร์ ที่นำเงินมา รวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิด และหลักฐานต่างๆ คาดคดีมีความชัดเจนใน 1-2 วันนี้.-สำนักข่าวไทย



ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก