กทม. 25 ธ.ค.- ตำรวจมั่นใจ พยานหลักฐานสามารถเอาผิด”เสี่ยไฮ้”พร้อมลูกน้องคนสนิทคดีฆาตกรรมเซลส์สาวเมื่อ 3 ปีก่อน แม้เจ้าตัวปฏิเสธและขอให้การชั้นศาลเท่านั้นก็ตาม
พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แถลงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 สนธิกำลังร่วมกับตำรวจกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี นำหมายจับศาลจังหวัดสระบุรีลงวันที่ 24 ธันวาคม เข้าจับกุมนายสันติ หรือเสี่ยไฮ้ จึงทองดี อายุ 62 ปี และนายนิวัฒน์ หรือแจ๊ค เฉลิมวัฒน์ อายุ 36 ปี ข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย , ร่วมกันทำให้เสียหาย เคลื่อนย้าย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งศพ ส่วนของศพ โดยไม่มีเหตุอันสมควร , ร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปเพื่ออำพรางคดี ภายในบริษัท ห้าดาวเคมีภัณฑ์ จำกัด ตำบลพระพุทธบาท อำเภอพระพุทธบาท ผูต้องหาทั้งสองคนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
พฤติการณ์แห่งคดีคือเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2559 นางลั่นทม วงษ์สิงห์ อายุ 57 ปี ไปที่สถานีตำรวจภูธรพระพุทธบาท แจ้งความคนหายเพื่อให้ติดตามตัวนางสาวกลิ่นเกษร วงษ์สิงห์ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นบุตรสาวได้หายตัวไป ไม่สามารถติดต่อได้ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2559 ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2562 ช่วงเช้ามีพลเมืองดีแจ้งเหตุให้พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรหนองโดน ว่า พบรถยนต์จมน้ำอยู่กลางคลองชลประทาน ชัยนาท – ป่าสัก ตำบลบ้านโป่ง อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี จึงได้แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบและเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถยนต์จมอยู่กลางคลองชลประทาน ชัยนาท-ป่าสัก ตรวจสอบเบื้องต้นพบหมายเลขทะเบียนที่ติดป้ายด้านหลัง 4กฐ 6348 กรุงเทพมหานคร ภายในรถยนต์พบดินโคลน, ผ้าปูที่นอนห่อโครงกระดูกมนุษย์, ซิลิโคน, เสื้อผ้า เอกสารและบัตรพร้อมสิ่งของต่างๆ หลายรายการ
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ตรวจพิสูจน์รูปแบบสารพันธุกรรม (DNA) พบว่าชิ้นส่วนโครงกระดูกมนุษย์ที่พบในรถจมน้ำเทียบกับนางลั่นทม (มารดานางสาวกลิ่นเกษร) มีความสัมพันธ์เป็นมารดาและบุตรกันตามหลักการถ่ายทอดพันธุกรรม 99.995 %
ผลการตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าวปรากฏชื่อนางสาวกลิ่นเกษร เป็นผู้ครอบครอง, ซิลิโคน , เสื้อผ้าและเอกสารรวมทั้งบัตรต่างๆ ที่ระบุเป็นของนางสาวกลิ่นเกษร อยู่ภายในรถ จึงยืนยันได้ว่าโครงกระดูกที่พบในรถคือนางสาวกลิ่นเกษร และจากการสืบสวนสอบสวนทำให้ทราบข้อเท็จจริงว่า นางสาวกลิ่นเกษร ผู้ตายได้คบหาเป็นสามีภรรยากับนายสันติ หรือเสี่ยไฮ้ ต่อมาภายหลังได้มีเหตุขัดแย้งทะเลาะวิวาทกันเรื่องความหึงหวงแล้วหายตัวไป จึงนำภาพจากกล้องวงจรปิดและสอบปากคำพยานบุคคลทำให้เชื่อว่าน่าจะถูกฆาตกรรมโดยใช้ผ้าปูที่นอนในออฟฟิศภายในบ้านของนายสันติ มัดพันห่อศพผู้ตายไว้ โดยไม่ทราบวิธีทำให้ตายที่แน่ชัด แล้วนำศพผู้ตายมาทิ้งเพื่ออำพรางคดี คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจึงทำการรวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลจังหวัดสระบุรีขออนุมัติหมายจับนายสันติ และนายนิวัฒน์หรือแจ็ค ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของนายสันติ เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดและสามารถติดตามจับกุมตัวได้
พล.ต.ท.อำพล ยืนยันว่า ตำรวจภูธรภาค 1 ได้สืบสวนขยายผลจนมีหลักฐานชัดเจนว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมนางสาวกลิ่นเกษร โดยมีพยานหลักฐานสำคัญเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณด้านหน้าโรงงานและในที่ทำงานของของเสี่ยไฮ้ รวมถึงพยานแวดล้อมต่างๆอีกมากมายจึงเชื่อว่าผู้ตายถูกทั้ง 2 คน ร่วมกันฆาตกรรม และสถานที่ใช้ฆาตกรรมคือภายในโรงงาน นอกจากนี้ตำรวจยังเชื่อว่ายังมีผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้อีกหลายคนโดยอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน
พล.ต.ท.อำพล ยังกล่าวอีกว่า คดีนี้แม้ทั้ง 2 คนจะให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการตายของนางสาวกลิ่นเกษร แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานแน่นหนา สามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้และเชื่อว่าผู้ต้องหาจะดิ้นไม่หลุด ซึ่งวันพรุ่งนี้ (26 ธ.ค.) พนักงานสอบสวนจะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปขออำนาจศาลจังหวัดสระบุรีฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ มีอัตราโทษสูง หากได้รับการประกันอาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อีกทั้งญาติของผู้ตายหวาดกลัวเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ อย่างไรก็ตามจากการนำภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าโรงงานของนายสันติ เมื่อ 3 ปีก่อนมาตรวจสอบ พร้อมสอบปากคำพยานบุคคลและพยานแวดล้อมต่างๆ ทำให้เชื่อว่านางสาวกลิ่นเกษร ถูกฆาตกรรมโดยใช้ผ้าปูที่นอนในที่ทำงานซึ่งอยู่ภายในบ้านของนายสันติ มัดพันห่อศพผู้ตายไว้ แต่ฆ่าด้วยวิธีใดก่อนนำศพผู้ตายไปทิ้งในคลองชลประทานนั้นอยู่ระหว่างสอบสวน.-สำนักข่าวไทย