ธปท. ปรับเป้าเงินเฟ้อทั่วไปปี 2563 เหลือ 1 – 3%

ธปท. 24 ธ.ค. – ธปท. ปรับเป้าเงินเฟ้อทั่วไปปี 2563 เหลือ 1 – 3% เพื่อให้สอดคล้องภาวะเศรษฐกิจ


นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีข้อตกลงร่วมกัน โดยกำหนดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2563 ในช่วง 1-3% โดยไม่มีค่ากลาง เป็นเป้าหมายนโยบายการเงินด้านเสถียรภาพราคาสำหรับระยะปานกลาง 3-5 ปี โดยเป้าหมายปี 2563 ลดลงจากปัจจุบันที่คาดจะอยู่ที่ 2.5% บวกลบ 1.5% หรือ 1-4% ซึ่งใชมาตั้งแต่ปี 2558

ทั้งนี้ เหตุผลสำคัญที่ปรับลดเป้าหมายเงินเฟ้อทั่วไปใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจการเงินที่เปลี่ยนไป และอัตราเงินเฟ้อไทยมีแนวโน้มต่ำลงจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง จาก 3 ปัจจัย คือ 1.การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่ทำให้ต้นทุนการผลิตถูกลง หรือปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น เช่น น้ำมัน สินค้าเกษตร และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น  2.การขยายตัวของธุรกิจ e-commerce ที่ทำให้การแข่งขันสูงขึ้นจนผู้ขายปรับราคาสินค้าขึ้นยาก และ 3. การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เนื่องจากผู้สูงอายุมีรายได้หลังเกษียณลดลง จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้การบริโภคสินค้าและบริการในภาพรวมมีแนวโน้มลดลงในระยะต่อไป


ขณะที่การที่เปลี่ยนมาใช้เป้าหมายแบบช่วง (ไม่มีค่ากลาง) นั้น เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้นโยบายการเงินสามารถดูแลเสถียรภาพด้านราคา ควบคู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพระบบการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกและไทยผันผวนและมีความไม่แน่นอนสูง 

ทั้งนี้ กนง.ได้ปรับเกณฑ์ใหม่ โดยจะออกจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทุก 6 เดือน หากอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา หรือประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้าเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมาย  เพื่อให้ กนง.สามารถแสดงความรับผิดชอบและสื่อสารกับสาธารณชนได้ทันการณ์  ไม่ต้องรอถึงสิ้นปีปฏิทิน  รวมทั้งสอดคล้องกับหลักการดำเนินนโยบายการเงินที่ต้องมองไปข้างหน้า

อย่างไรก็ดี ธปท. ยืนยันว่า การปรับลดเป้าหมายนโยบายการเงินในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณว่าแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินจะเปลี่ยนจากเดิม โดยภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน นโยบายการเงินมีแนวโน้มผ่อนคลายไปอีกระยะหนึ่งเพื่อเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และช่วยให้อัตราเงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายต่อไป โดยการตัดสินนโยบายการเงินภายหลังการปรับเป้าหมายใหม่ยังคงยึดหลักการเดิม คือ  การรักษาเสถียรภาพด้านราคาในระยะปานกลาง การดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเต็มศักยภาพ และการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน


สำหรับกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงสถานการณ์ค่าเงินบาทนั้น ธปท. ยืนยันว่า ธปท. ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอด ซึ่งเรื่องนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน พร้อมมองว่า ค่าเงินบาท และค่าเงินในภูมิภาคมีโอกาสเคลื่อนไหวอ่อนค่าได้มากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเริ่มปรับมุมมองที่ไม่ได้มองเงินบาทและค่าเงินในตลาดเกิดใหม่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) อีกต่อไป ส่วนหนึ่งมาจากเงินบาทแข็งค่าเกินปัจจัยพื้นฐานที่จะลงทุน และจากการที่ ธปท.ได้มีมาตรการผ่อนคลายในหลายเรื่อง อย่างไรก็ดี ในระยะต่อไปค่าเงินบาทคงจะเคลื่อนไหวได้ 2 ทิศทางมากขึ้น ซึ่งยอมรับว่า กนง. มีความกังวลเกี่ยวกับค่าเงินบาท และก็พร้อมที่จะดำเนินมาตรการที่เหมาะสม ขณะที่มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน หรือ QE ในประเทศไทยนั้น มองว่ายังไม่มีความจำเป็น เพราะประเทศที่ทำคือประเทศที่เกิดวิกฤต ซึ่งย้ำว่าประเทศไทยยังมีสภาพคล่องเหลือเฟือ . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ในหลวงทรงรับคนไข้

ในหลวงทรงรับคนไข้เหตุแผ่นดินไหวไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

ในหลวงทรงรับคนไข้เหตุแผ่นดินไหวเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ขณะนายกรัฐมนตรีเยี่ยมผู้บาดเจ็บ แพทย์แจงอาการดีขึ้นแล้ว

Building after collapses in Myanmar in front of monk's eye

แผ่นดินไหวทำตึกเมียนมาถล่ม-ยอดตายเกินพันแล้ว

มัณฑะเลย์ 29 มี.ค.- แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในเมียนมาเมื่อวานนี้ ทำให้อาคารหลังหนึ่งถล่มต่อหน้าต่อตากลุ่มพระสงฆ์ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในเมียนมาจนถึงขณะนี้เกิน 1,000 คนแล้ว คลิปภาพที่ผู้เห็นเหตุการณ์บันทึกไว้ได้ในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของเมียนมา และอยู่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหวบนบกที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ เห็นกลุ่มพระสงฆ์รวมตัวกันอยู่บนถนนใกล้อาคารหลังหนึ่งที่ค่อย ๆ เสียการทรงตัว ก่อนพังถล่มลงไปทั้งหลังต่อหน้าต่อตา ทำให้เกิดกลุ่มควันขนาดใหญ่ฟุ้งกระจาย รอยเตอร์รายงานเมื่อเวลา 13:00 น.วันนี้ตามเวลาไทยว่า รัฐบาลเมียนมาแถลงล่าสุดว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวเพิ่มเป็น 1,002 คนแล้ว ขณะที่สำนักสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐหรือยูเอสจีเอส ซึ่งแจ้งขนาดแผ่นดินไหวไว้ที่ 7.7 และมีศูนย์กลางลึกเพียง 10 กิโลเมตรประเมินจากแบบจำลองการคาดการณ์ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจจะเกิน 10,000 คน.-814.-สำนักข่าวไทย  

สาเหตุตึกถล่ม

นายกฯ เร่งกรมโยธาดูสาเหตุตึกถล่ม-หาทางแก้

นายกฯ รับรายงายสถานการณ์แผ่นดินไหว เร่งกรมโยธาดูสาเหตุ-หาทางแก้ตึกถล่ม ย้ำ ปชช. มั่นใจได้ เหตุแผ่นดินไหวตอนนี้ไม่กระทบไทยแล้ว เตรียมออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่อไป

วัดเสียหายแผ่นดินไหว

วัด 4 แห่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ได้รับผลกระทบแผ่นดินไหว

สำนักงานพระพุทธศาสนา และคณะสงฆ์เชียงใหม่ สำรวจโบราณสถาน พบวัด 4 แห่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว มีทั้งรอยร้าว ฐานพระพุทธรูปอายุกว่า 700 ปีทรุด ยอดฉัตรทองคำหักเอียง