กรุงเทพฯ 15 ธ.ค. – “สนธิรัตน์” เผยมาตรการส่งเสริมน้ำมันดีเซล B10 ดันราคาปาล์มน้ำมันทะยานไม่หยุดทะลุ 5 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว เชื่อชาวสวนปาล์มยิ้มออกทั่วหน้า ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ไม่มีปัญหา มั่นใจนโยบายช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากนโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B10 เป็นมาตรฐานหลักทั่วประเทศ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 นั้น ส่งผลให้ขณะนี้ราคาปาล์มน้ำมันพื้นที่ภาคใต้พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้ราคาปาล์มอยู่ที่ 5 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว ช่วยให้พี่น้องชาวสวนมีรายได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา ซึ่งปาล์มเคยตกต่ำเหลือแค่ 2 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น
“ราคาปาล์มน้ำมันพื้นที่ภาคใต้หลายแห่ง ราคารับซื้อขยับไปถึง 5.30 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว และเชื่อว่ายังมีการเร่งรับซื้ออย่างต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า เพื่อนำไปใช้ในการผลิตพลังงานน้ำมัน ตรงนี้ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายนโยบายส่งเสริมน้ำมันดีเซลมาตรฐาน B10 ในรถยนต์ ทำให้เม็ดเงินทุกบาททุกสตางค์ไปถึงมือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ช่วยพลิกชีวิต สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างรอยยิ้มให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง” นายสนธิรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ ไม่เพียงมาตรการยกระดับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วมาตรฐานจาก B7 เป็น B10 แล้ว ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงพลังงานยังมอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับซื้อน้ำมันปาล์มไปผลิตกระแสไฟฟ้าอีก 130,000 ตัน นับเป็นอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยในการแก้ปัญหาราคาได้เช่นเดียวกัน
นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า ราคาปาล์มน้ำมันที่สูงถึง 5 บาทต่อกิโลกรัม ยังเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาล นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกรทุกคนและต้องการใช้นโยบายแก้ปัญหาด้วยความยั่งยืน เช่น ปาล์มน้ำมันครั้งนี้ถือเป็นตัวอย่างความสำเร็จที่เกิดจากการทำงานอย่างเป็นระบบและครบวงจร มุ่งส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง นำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
สำหรับค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ที่ต้องปรับมาใช้น้ำมันดีเซล B10 นั้น ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้มีการประชุมร่วมกันและทำความเข้าใจหมดแล้ว ทุกฝ่ายต่างมีความเชื่อมั่นและเห็นตรงกัน โดยจะมีรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลทั้งหมดมากกว่า 50% สามารถใช้น้ำมัน B10 ได้ไม่เป็นปัญหา ขณะเดียวกันยังมีน้ำมันดีเซล B7 และ B20 ที่ถือเป็นน้ำมันทางเลือก แต่ทั้งหมดนี้ล้วนมีส่วนช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้เช่นกัน.-สำนักข่าวไทย