กรุงเทพฯ 29 พ.ย.- อธิบดีกรมป่าไม้ ระบุหลักฐานชัด “ปารีณา” ครอบครองพื้นที่ป่าสงวนและเขตป่าไม้รวม 46 ไร่ แจ้งความ บก.ปทส. จันทร์ที่ 2 ธ.ค.นี้
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า รวบรวมพยานหลักฐานและพร้อมจะดำเนินคดี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งตั้งฟาร์มไก่ชื่อเขาสนฟาร์ม เลขที่ 109 ม. 6 ต. รางบัว อ. จอมบึง จ. ราชบุรี ซึ่งตรวจสอบพบว่า บริเวณฟาร์มที่ใช้ชื่อเขาสนฟาร์ม 2 เป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้เก็บหาของป่าหรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติและตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ห้ามมิให้ผู้ใดแผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น
ทั้งนี้ พื้นที่ที่จะดำเนินคดีมีทั้งหมด 46-1-40 ไร่ แยกเป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี เนื้อที่ 41-1-59 ไร่ และอยู่ในเขตป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ เนื้อที่ 4-3-81 ไร่ ซึ่งวันจันทร์ที่ 2 ธันวาคมนี้ เวลา 09.00 น. จะแถลงข่าวที่กรมป่าไม้ จากนั้นจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่กองบังคับการการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.)
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบที่ตั้งฟาร์มไก่ของ น.ส.ปารีณา ไม่พบเอกสารที่ทางราชการออกให้ เพื่อเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าไม้ตามระเบียบและกฎหมาย ซึ่งโทษตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ตามมาตรา 31 (6) กรณียึดถือครอบครองที่ดินป่าสงวนเกิน 25 ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000-50,000 บาท สำหรับโทษตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ตามมาตรา 72 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า หนึ่งในคณะทำงานตรวจสอบการครอบครองพื้นที่ป่าของ น.ส.ปารีณา กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ปารีณา แจ้งความเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้บุกรุกที่ซึ่ง น.ส.ปารีณา ครอบครองโดยไม่มีหมายค้นของศาลว่า ทราบเรื่องการแจ้งความแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้หวั่นเกรงใดๆ โดยภาพที่ น.ส.ปารีณา มาแสดงเป็นรถของเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร และอีกคันหนึ่งเป็นของเจ้าหน้าที่รังวัดของกรมป่าไม้ ซึ่งไปเก็บข้อมูลทางนิติวิทยาศาสตร์เพิ่ม ทั้งนี้ บริเวณที่เจ้าหน้าที่เข้าไปนั้น ไม่ได้เข้าไปในฟาร์มไก่ที่ น.ส.ปารีณา ยึดถือครอบครอง จึงไม่จำเป็นต้องใช้หมายศาล ยืนยันว่าที่ผ่านมาการเข้าตรวจสอบได้มีคณะทำงานร่วมเข้าไปตรวจสอบ โดยการใช้แผนที่แนวเขตของกรมป่าไม้ที่ถูกต้อง และมีตัวแทนระดับชุมชนมาเป็นผู้ชี้แนวเขต เนื่องจาก น.ส.ปารีณา ไม่ได้มาชี้แนวเขตด้วยตัวเอง เมื่อเจ้าของที่อ้างว่าแผนที่ตรวจสอบทั้ง 2 ฉบับ คือ ของกรมป่าไม้ และของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) มีมาตราส่วนต่างกัน ก็ให้ความเป็นธรรมโดยการตรวจสอบรังวัดใหม่ และวิเคราะห์ร่วมกัน จนได้แนวเขตที่ชัดเจน กระทั่งหลักฐานพร้อมที่จะแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นลบล้างไม่ได้ ที่มีข้อกังขาว่า การเข้าตรวจสอบใหม่เป็นความพยายามช่วยเหลือ น.ส.ปารีณา นั้นเป็นการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ กรณีนี้ไม่เป็น “มวยล้มต้มคนดู” แน่นอน
แหล่งข่าวจาก ส.ป.ก.ระบุว่า คำสั่งทางปกครองของ ส.ป.ก.ที่ให้ น.ส.ปารีณา นำเอกสารสิทธิในที่ดินแปลง “เขาสนฟาร์ม 1” เนื้อที่ 691 ไร่นั้น จะครบกำหนดในวันที่ 4 พ.ย. นี้ซึ่ง น.ส.ปารีณา ยังไม่ได้นำเอกสารใดๆ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ นอกจากที่นำหนังสือร้องเรียนให้รังวัดที่ดินใหม่ มาส่งยังศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาที่ดินของ ส.ป.ก. เดิมนั้นทาง ส.ป.ก. นัดหมายกับกรมป่าไม้จะแถลงข่าวร่วมกันในวันที่ 6 ธ.ค. แต่เนื่องจากพยานหลักฐานการบุกรุกที่ของกรมป่าไม้แน่นหนาแล้ว ทางกรมป่าไม้จึงแถลงข่าวในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ เพียงหน่วยงานเดียว แล้วดำเนินคดีเลย ส่วนทาง ส.ป.ก.จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ต้องติดตามหลังวันที่ 4 ธ.ค.ไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย