กรุงเทพฯ 26 พ.ย. – “สุริยะ” ถกคณะกรรมการวัตถุอันตรายนัดแรกพรุ่งนี้ (27 พ.ย.) ยึดข้อมูลกรมวิชาการเกษตรเป็นหลักแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย กล่าวในช่วงรับหนังสือร้องเรียนจากตัวแทนเกษตรกรที่ขอให้ทบทวนมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 ที่มีมติให้แบน 3 สารเคมีทางการเกษตร คือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ว่า ได้อ่านข้อมูลที่ทางเกษตรกรยื่นมาให้แล้ว
นายสุริยะ กล่าวกับสื่อมวลชน ว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่จะมีการประชุมวันพรุ่งนี้ (27 พ.ย.) จะขอรับฟังข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตรก่อน หากเสนอให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายคงมติเดิม คือ แบน 3 สารเคมี และมีวิธีการส่งออกสารเคมีทั้ง 3 ก็จะยึดถือข้อมูลที่กรมวิชาการเกษตรป้อนให้ แต่ถ้าหากข้อมูลออกมา เห็นว่าหากแบน 3 สารเคมีแล้วจะมีผลกระทบตามมามาก และทางกรมวิชาการเกษตรเสนอว่าควรให้เลื่อนการแบนออกไปก่อนก็จะรับฟัง ดังนั้น การพิจารณาของคณะกรรมการวัตถุอันตรายพรุ่งนี้จึงขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ทางกรมวิชาการเกษตรส่งเข้ามายังคณะกรรมการฯ
สำหรับเกษตรกร 7 สมาคมที่มายื่นหนังสือต้องการให้มีการใช้สารเคมีต่อไปนั้น ทางเกษตรกรได้ให้ข้อมูลว่า หากมีการแบน 3 สารเคมี จะส่งผลกระทบกับประชาชน ตลอดจนเกษตรกร และการแบน 3 สารเคมี ยังมีผลกระทบต่อการนำเข้าถั่วเหลืองและกากถั่วเหลืองจากต่างประเทศที่ปัจจุบันใช้ในการเป็นอาหารสัตว์ก็จะต้องห้ามนำเข้าด้วย เพราะมีสารนี้ปนอยู่ ซึ่งอุตสาหกรรมอาหารสัตว์จะได้รับผลกระทบและต่อเนื่องไปยังผู้เลี้ยงไก่และอื่น ๆ ต่อไป รวมถึงข้าวสาลีก็จะมีผลกระทบต่อเนื่องตามมาเช่นกัน
ต่อข้อถามผู้สื่อข่าวที่ว่าได้หารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแล้วหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ยังไม่ได้หารือ แต่พรุ่งนี้จะนั่งเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย โดยใช้ข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตรเป็นหลัก
นายชรัตน์ เนรัญชร เกษตรจันทบุรี กล่าวว่า หากมีการแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร ส่งผลกระทบต่อต้นทุนและความสามารถในการแข่งขันส่งออกผลไม้ และที่สำคัญวันนี้ต้องเอาความจริงมาพูด เพื่อสู้กับความเชื่อของฝ่ายที่อยากให้แบนมีการให้ข้อมูลต่าง ๆ ออกมา จึงต้องการให้มีการนำความจริงมาพูดคุยกัน ที่สำคัญการแบน 3 สารเคมี จะขัดกับหลักรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 73 ที่ระบุว่ารัฐธรรมนูญ ม.73 รัฐพึงจัดให้มีมาตรการหรือกลไกที่ช่วยให้เกษตรกรประกอบเกษตรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้ผลผลิตที่มีปริมาณและคุณภาพสูง มีความปลอดภัยโดยใช้ต้นทุนต่ำ และสามารถแข่งขันในตลาดได้ ซึ่งพิจารณาจะพบว่าเรื่องต้นทุนต่ำ ขณะนี้ยังไม่มีมาตรการหรือสารทดแทนมารองรับและตรงตามรัฐธรรมนูญระบุ การจะใช้สารกูลโฟซิเนต ก็มีราคาสูงกว่า 3-4 เท่า และประสิทธิภาพด้อยกว่า ดังนั้น จึงยังไม่มีสารใดมาทดแทนและตอบโจทย์ตรงกับรัฐธรรมนูญ เกษตรกรจึงมองว่าอยากให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายทบทวนมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 ที่ให้แบน 3 สารเคมี และทำการศึกษาใหม่อีกครั้ง และระหว่างนี้ให้จำกัดการใช้จนกว่าจะสามารถหาสารทดแทนได้ตรงตามรัฐธรรนูญระบุไว้.-สำนักข่าวไทย