กรุงเทพฯ 25 พ.ย.- ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษายกฟ้องนาย”พานทองแท้ ชินวัตร” ไม่ผิดฐานฟอกเงิน เพราะขาดเจตนาทุจริต
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาคดีฟอกเงินกู้แบงก์กรุงไทย ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายคนโตนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน จากกรณี นายพานทองแท้ รับโอนเงินเป็นเช็คจำนวน 10 ล้านบาทเข้าบัญชี ซึ่งมีการกล่าวหาว่าเงินนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำจากการทุจริตปล่อยกู้สินเชื่อระหว่างธนาคารกรุงไทย กับเอกชนกลุ่มกฤษดามหานคร ที่มีนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อายุ 80 ปี ผู้บริหารกฤษดามหานคร กับนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ อายุ 53 ปี บุตรชายของนายวิชัย และอดีตคณะผู้บริหารธนาคารกรุงไทย
โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ ยังไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่านายพานทองแท้จำเลยได้รู้ที่มาของเงินจำนวน 10 ล้านบาทที่นายวิชัย กฤษดาธานนท์ โอนเข้าบัญชีว่านายวิชัยได้มาจากการกระทำผิดทุจริตการปล่อยกู้แบงค์กรุงไทย ซึ่งขณะที่รับโอนเงินจำเลยมีอายุเพียง 26 ปีและขณะนั้นมีเงินรายได้จากหุ้นในบริษัทอยู่แล้ว ถึง 4,000 ล้านบาท โดยเมื่อเทียบกับเงิน 10 ล้านบาทแล้วคิดเป็น 0.00 25 เปอร์เซ็นต์จากยอดเงินดังกล่าว ขณะที่โจทก์นำสืบได้เพียงว่าขณะที่รับโอนหุ้นนายพานทองแท้เป็นบุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตรและมีความสนิทสนมกับครอบครัวของนายวิชัยเพียงเท่านั้นแม้จะสนิทกันแต่ไม่ปรากฏว่ามีความสัมพันธุ์ลึกซึ้งแน่นหนา จึงพิพากษายกฟ้อง
หลังจากเสร็จสิ้นการฟังอ่านคำพิพากษา นายพานทองแท้ ชินวัตร ได้เดินทางลงจากอาคารศาล โดยมีคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ มารดา เดินนำหน้า และนางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือ เอม และ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง ตามหลัง
นายพานทองแท้ ได้กล่าวเพียงสั้นๆกับสื่อมวลชนว่า ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้จนถึงวันนี้
ด้านคุณหญิงพจมาน ได้เรียกให้นายพานทองแท้ ขึ้นรถขณะที่สื่อมวลชนพยายามขอสัมภาษณ์ประเด็นอื่นๆเพิ่มเติม จนทำให้เกิดเบียดเสียดกันก่อนที่นายพานทองแท้ และครอบครัวจะขึ้นรถออกจากบริเวณศาล .-สำนักข่าวไทย