กทม.-20 พ.ย.- ศาลฎีกายืน ประหารสถานเดียว “อาเธอร์” หนุ่มสเปน ฆ่าหั่นศพเศรษฐีสเปน ฉกบัตรกดเงินกว่า 7 แสน ทนายเล็งแลกเปลี่ยนนักโทษกลับรับโทษที่สเปน
ที่ห้องพิจารณา 805 ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ มีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหั่นศพเศรษฐีชาวสเปน ยื่นฟ้อง นายอาเธอร์ เซการา พรินเซพ หรืออาร์ตู (Mr.Segarra Princep Artur ) อายุ 40 ปี สัญชาติสเปน เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย, หน่วยเหนี่ยวกักขังฯ , ลักทรัพย์ และข้อหาอื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา
โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2559 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2559 เวลา 08.20 นาฬิกา พบชิ้นส่วนแขนขวามนุษย์ลอยมาในแม่น้ำเจ้าพระยาติดบริเวณอู่ต่อเรือเอกชนแห่งหนึ่งใกล้วัดคฤหบดี เขตบางพลัด กทม. และยังพบชิ้นส่วนมนุษย์อีกหลายชิ้นลอยมาในแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตรับผิดชอบ สภ.เมืองนนทบุรี , สภ.ปากเกร็ด และ สภ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี
จากการสืบสวนสอบสวน พบว่า ชิ้นส่วนมนุษย์เป็นของ นายเดวิด เบอเนต โมราด ชาวสเปน โดยจำเลยพาผู้ตายเข้าไปในห้องพักพีจี คอนโด พระราม 9 อสมท. เขตห้วยขวาง กทม. จากนั้นได้ฆ่าผู้ตายก่อนหั่นศพ และนำชิ้นส่วนทิ้งลงในแม่น้ำเจ้าพระยาตามจุดต่างๆ ที่พบแล้วหลบหนีไป กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบและจับกุมได้ขณะหลบหนีมาอยู่ที่ ตลาดการค้าชายแดนบ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2560 และศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2561 โดญทั้งสองศาลพิพากษาประหารชีวิตและให้จำเลยชดใช้เงินคืนแก่ญาติผู้ตาย 734,940 บาท ริบรถจักรยานยนต์ เครื่องเจียร ใบเลื่อยและตู้แช่แข็งด้วย เนื่องจากเห็นว่าแม้โจทก์ ไม่มีประจักษ์พยาน แต่โจทก์มีพยานแวดล้อม เช่น แม่บ้านทำความสะอาด , กล้องทีวีวงจรปิด , เพื่อนหญิงของจำเลย ประกอบกับพยานวัตถุ รวมทั้งคราบเลือด , เหงื่อ ที่อุปกรณ์เจียรหินไฟฟ้า และตู้แช่ ตรงกับดีเอ็นเอ (DNA) ของผู้ตาย รวมทั้งตรงกับ DNA ของจำเลยด้วย พฤติการณ์จึงฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโดยคิดทบทวนวางแผน กับซ่อนเร้นทำลายศพเพื่อปกปิดเหตุแห่งการตาย
วันนี้(20 พ.ย.)ศาลเบิกตัว “นายอาเธอร์” จำเลย มาจากเรือนจำบางขวาง หลังจากศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนประหารชีวิต เพื่อมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งปัจจุบันนายอาเธอร์ ถูกคุมขังมานานกว่า 3 ปี นับตั้งแต่ถูกจับกุมและฝากขังครั้งแรก เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่ง “นายอาเธอร์” รูปร่างยังดูแข็งแรงปกติ ไม่ซูบผอม โดยศาลจัดล่ามสาวภาษาสเปนเพื่อแปลกระบวนพิจารณาและคำพิพากษาให้จำเลยฟังด้วย โดยสื่อมวลชนจากประเทศสเปน ติดตามมาทำข่าวอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดีก่อนฟังคำพิพากษา “นายอาเธอร์” ยังคงมีสีหน้าสดใส พูดจาทักทายกับนักข่าวสเปน ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ศาลฎีกา เห็นว่า แม้โจทก์ ไม่มีประจักษ์พยาน แต่โจทก์มีพยานแวดล้อมเชื่อมโยงกันฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้อง จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
ภายหลังฟังคำพิพากษา โดยมีล่ามแปลภาษาสเปนให้ฟัง “ นายอาเธอร์” ถึงกับสีหน้า ตัวแดงขึ้นมาทันที และพูดคุยกับล่าม กระทั่งผู้พิพากษาได้ชี้แจงผ่านล่ามว่า กระบวนการตามกฎหมายไทยหากคดีถึงที่สุดแล้วจำเลยสามารถยื่นขออภัยโทษได้
ทนายความของ “นายอาเธอร์” กล่าวว่า จำเลยทำใจได้ตั้งแต่ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตแล้วว่า ข้อต่อสู้คดีนี้ค่อนข้างยาก เพราะโจทก์เองก็มีพยานหลักฐาน และหลังจากนี้ระหว่างที่รับโทษในเรือนจำก็อยากให้ตนดำเนินการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษตามระเบียบของเรือนจำ อย่างไรก็ตามเมื่อคดีเสร็จเด็ดขาดแล้ว จำเลยก็มีสิทธิจะยื่นเรื่องขอแลกเปลี่ยนนักโทษ เพื่อจะกลับไปรับโทษที่ประเทศสเปนต่อไป.-สำนักข่าวไทย
