ชาวไร่อ้อยเตรียมเสนอรัฐชะลอแบน 3 สารเคมี

กรุงเทพฯ 11 พ.ย. – สมาคมนักวิชาการอ้อยและน้ำตาลฯ เตรียมยื่นหนังสือรองนายกรัฐมนตรี ชะลอมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายแบน 3 สารเคมีออกไป 3-5 ปี เพื่อให้ชาวไร่อ้อยมีเวลาปรับตัว   


นายกิตติ ชุณหวงศ์ นายกสมาคมนักวิชาการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากกรณีคณะกรรมกรรมการวัตถุอันตรายมีมติแบน 3 สารเคมีเกษตร  ประกอบด้วย พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป นั้น ทางสมาคมฯ จะมีหนังสือไปยังนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้มีการชะลอมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายออกไป 3-5 ปี เพื่อให้เกษตรกรได้ปรับตัว พัฒนาชาวไร่อ้อย หาเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ และมีการหารือกันถึงผลกระทบ เพราะคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติแบน 3 สารเคมี ไม่ได้มีการพิจารณาถึงผลกระทบ ต้องยอมรับว่า สารทุกอย่างมีพิษทั้งหมดเปรียบกับเหรียญสองด้าน  และขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าสารทดแทนจะเป็นสารตัวใดบ้าง อย่างไรก็ตาม หากมีมติแบน 3 สารเคมีเกษตร เชื่อว่าจะทำให้ชาวไร่เลิกปลูกอ้อย โดยเฉพาะชาวไร่อ้อยรายเล็กถึงรายกลางที่มีพื้นที่ปลูกอ้อยไม่มาก ซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 85 ของเกษตรกรชาวไร่อ้อยทั้งหมด

นายกิตติ กล่าวถึงผลกระทบจากการแบนสารเคมีเกษตรโดยเฉพาะพาราควอตที่อาจจะเกิดขึ้นปี 2563 ทั้งระดับเกษตรกร อุตสาหกรรมแปรรูปที่ใช้วัตถุดิบทางการเกษตร และการส่งออก ว่า จากการคาดการณ์ ผลผลิตจะลดลงร้อยละ 20-50 ถ้าไม่ใช้สารพาราควอตในช่วงอ้อยย่างปล้องจะทำให้อ้อยหายไปถึง 67 ล้านตันต่อปี เกษตรกรสูญเสียรายได้กว่า 50,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ส่วนใบและยอดซึ่งใช้ในโรงไฟฟ้าชีวมวลจะสูญหายไป 11 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 7,400 ล้านบาท รวมเกษตรกรสูญเสียทั้งสิ้น 58,000 ล้านบาท 


ส่วนผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ปริมาณน้ำตาลทรายดิบจะหายไปประมาณ 6.7 ล้านตันต่อปี คิดเป็นรายได้ประมาณ 47,000 ล้านบาท รวมทั้งกากน้ำตาลจะหายไป 3.3 ล้านตัน คิดเป็นรายได้ 10,000 ล้านบาท สร้างความเสียหายต่อการผลิตเอทานอลประมาณ 840 ล้านลิตร คิดเป็นรายได้ 18,000  ล้านบาท ขณะเดียวกันกากชานอ้อยวัตถุดิบสำคัญในการผลิตกระแสไฟฟ้าโรงไฟฟ้าชีวมวลจะหายไปไม่ต่ำกว่า 20 ล้านตัน สูญรายได้ประมาณ 16,000 ล้านบาท ทำให้ไม่มีกระแสไฟฟ้าจ่ายเข้าสู่ระบบอย่างน้อย 67.4 เมกะวัตต์ เทียบเท่ากับการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำทั้งปีจาก 2 เขื่อนใหญ่ ได้แก่ เขื่อนอุบลรัตน์และเขื่อนจุฬาภรณ์ หรือเทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าของจังหวัดแม่ฮ่องสอนอย่างน้อย 6 เดือน คิดเป็นรายได้ที่หายไปอัตรา 2.7 บาทต่อหน่วย ประมาณ 182 ล้านบาท รวมภาคอุตสาหกรรมและที่เกี่ยวเนื่องสูญเสียทั้งสิ้น  92,000 ล้านบาท 

ขณะที่ผลกระทบต่อการส่งออกไปต่างประเทศ อุตสาหกรรมน้ำตาลไทยพึ่งพิงรายได้จากการส่งออก คิดเป็นร้อยละ 75 ของผลผลิตน้ำตาลทั้งหมด ส่วนที่เหลือใช้ในประเทศ ปริมาณส่งออกประมาณ 10-11 ล้านตันต่อปี เหตุที่ไทยแข่งขันในตลาดโลกได้ดี เพราะต้นทุนอ้อยในการผลิตน้ำตาลของไทยอยู่ในระดับที่ไม่สูง มีข้อได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งเรื่องระยะทางและต้นทุนขนส่งต่ำกว่า แต่ปัจจุบันเกิดวิกฤติอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล เนื่องจากราคาอ้อยตกต่ำมาก ทำให้ภาครัฐต้องช่วยเหลือชาวไร่อ้อยเรื่องต้นทุนในส่วนของปัจจัยการผลิต ได้แก่ สารกำจัดวัชพืช ปุ๋ย เครื่องจักรตัดอ้อย ซึ่งเป็นแนวทางเดียวที่รัฐจะช่วยได้โดยไม่ขัดกับข้อตกลงองค์กรการค้าโลก (WTO) ที่กำหนดห้ามสนับสนุนเงินช่วยเหลือ แต่วิกฤติเดิมไม่ทันจะแก้ไข รัฐบาลกลับประกาศแบนสารกำจัดวัชพืชพาราควอต ทางออกเดียวที่จะช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมได้ จึงอยากให้รัฐพิจารณาใหม่อีกครั้ง และต้องเร่งรีบจัดการปัญหาโดยด่วน ไม่เช่นนั้นกระทบฤดูการปลูกต่อไปของอ้อยทันที จึงเร่งรัฐหารือกับภาคอุตสาหกรรมเกษตรที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 


นายเลียบ บุญเชื่อง ประธานชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน กล่าวว่า เกษตรกรต้องการให้ชะลอการแบนออกไปก่อนอย่างน้อย 1-2 ปี เพื่อทดลองสิ่งใหม่ที่จะนำมาใช้ทดแทนและติดตามประเมินผลว่ามีประสิทธิภาพในการปรับวัชพืชแตกต่างจากสารพาราควอต  การใช้พาราควอตที่ผ่านมาเกษตรกรทราบและป้องกันอยู่แล้ว ซึ่งจะส่งผลกระทบกับเกษตรกรชาวไร่อ้อย ทำให้ต้นทุนปรับวัชพืชในไร่อ้อยสูงขึ้น เพราะการใช้แรงงานมีต้นทุนสูงกว่าและแรงงานก็ขาดแคลน นอกจากนี้ ชาวไร่อ้อยยังประสบปัญหาราคาอ้อยตกต่ำ ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์ราคาน้ำตาลตลาดโลกตกต่ำส่งผลต่อราคาอ้อยขายต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าชาวไร่อ้อยจะเลิกปลูกอ้อยจากปกติเริ่มทยอยปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นแล้ว ซึ่งปีที่ผ่านมาเลิกปลูกอ้อยไปแล้วมากกว่า 200,000 ไร่ ปีนี้ก็จะเลิกปลูกเพิ่มขึ้นจากปัญหาภัยแล้งที่ทำให้ผลผลิตลดลงจากไร่ละประมาณ 12-15 ตันต่อไร่ เหลือประมาณ 7-8 ตันต่อไร่ อีกทั้งยังประสบภาวะราคาอ้อยตกต่ำ และหากมีการห้ามใช้สารพาราควอตเข้ามาซ้ำเติมอีก ก็จะยิ่งทำให้ต้นทุนปราบวัชพืชเพิ่มขึ้น 

นายรังสิต สุวรรณมรรคา ผู้เชี่ยวชาญด้านวัชพืช ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ปัจจุบันหลายประเทศที่ใช้แนวทางปฏิบัติการอนุญาตใช้สารเคมีเกษตรขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา บราซิล แอฟริกาใต้ อินเดีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นต้น ยังใช้พาราควอตในพืชต่าง ๆ เช่น ข้าว ข้าวโพด อ้อย ชา กาแฟ มั่นฝรั่ง สับปะรด พืชผักผลไม้ พืชตระกูลถั่ว พืชตระกูลเบอร์รี่ โดยผลิตผลทางการเกษตรเหล่านี้นำเข้ามาบริโภคในประเทศไทย ดังนั้น การยกเลิกใช้พาราควอต จึงไม่ใช่ทางออกของภาคเกษตรกรรมและผู้บริโภคไทย 

ส่วนคำกล่าวอ้างด้านสิ่งแวดล้อมและสิ่งทดแทนพาราควอตนั้น ปัจจุบันยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน ทั้งด้านการตกค้างในสิ่งแวดล้อมจนเป็นอันตรายต่อเกษตรกรและสิ่งมีชีวิตในดินและน้ำ หรือสิ่งทดแทนพาราควอต ตามข้อเสนอของกรมวิชาการเกษตร ล้วนไม่สามารถปฏิบัติจริงได้ในทุกพื้นที่เกษตรกรรม ทั้งการใช้แรงงานคน การใช้เครื่องจักร ไม่สามารถใช้ในพื้นที่โคนต้น เนิน ดินแฉะ หรือพื้นที่เกษตรที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้เครื่องจักร หรือการเสนอสารทดแทน 16 ชนิด พบว่า ทั้งหมดไม่สามารถนำมาเป็นทางเลือกหรือทดแทน พาราควอตได้ เพราะคุณสมบัติของสารแต่ละชนิดมีผลต่อพืชเศรษฐกิจต่างกัน บางชนิดไม่สามารถฆ่าวัชพืชบางชนิดได้ บางชนิดหากใช้เป็นพิษต่อพืชปลูก บางชนิดปนเปื้อนน้ำบาดาลได้ บางชนิดใช้สภาพอากาศฝนตกชุกไม่ได้ 

นายแพทย์สมชัย บวรกิตติ ราชบัณฑิตสำนักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสภา ยืนยันประเด็นด้านสุขภาพที่เกี่ยวกับพาราควอต สังคมน่าจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเนื้อเน่าเพิ่มมากขึ้นแล้วว่าไม่เกี่ยวข้องกับพาราควอต แต่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย รวมทั้งรายงานผลการตรวจพบพาราควอตในเลือดของหญิงใกล้คลอดและเลือดสายสะดือทารก ขาดข้อมูลที่ชัดเจนถึงการได้รับสารเคมีเกษตรกรและความผิดปกติ สอดคล้องกับรายงานทางการแพทย์จากอดีตถึงปัจจุบันยังไม่พบการเกิดพิษจากพาราควอตในกลุ่มผู้ใช้เลย นอกจากนำไปดื่มกินเพื่อฆ่าตัวตาย ที่สำคัญมีรายงานล่าสุดจากสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐอเมริกา หรือ US EPA ระบุว่า “พาราควอต” ไม่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งในมนุษย์ ไม่มีความเชื่อมโยงกับโรคพาร์กินสัน รวมทั้งข้อมูลที่กล่าวอ้างเรื่องการปนเปื้อน การตกค้างของพาราควอตไม่ชัดเจน ไม่มีนัยสำคัญทางพิษวิทยา อย่างไรก็ตาม การอบรมให้ความรู้และการปฏิบัติตนที่ถูกต้องในการใช้สารเคมีเกษตรของผู้ซื้อและใช้ เป็นสิ่งที่ดีและภาครัฐควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพราะสารเคมีเกษตรจำเป็นต่อกสิกรรมของไทย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“อนุทิน” โชว์ตัวว่าที่ รมต.ทีมเศรษฐกิจ ล้อมวงกินเค้กส้ม

พรรคภูมิใจไทย 6 ก.ย.- “อนุทิน” โชว์ตัว ว่าที่ 3 รมต.ทีมเศรษฐกิจป้ายแดง ล้อมวงกินเค้กส้ม “เอกนิติ” นั่งขุนคลัง เตรียมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้ปล่อยฟื้นคนละครึ่งกระแสเต็มฟีด ขณะ “สีหศักดิ์” เตรียมนั่ง รมว.กต. มั่นใจชื่อนี้นานาชาติยอมรับ รับเผือกร้อนแก้ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะ “อรรถพล” อดีต CEO ปตท. นั่ง รมว.พลังงาน ทำงานได้เลยไม่ต้องรำมวย ยอมรับเก้าอี้กลาโหม ต้องมีความรู้ในวิชาชีพ ปัดตอบชิงดำ “บิ๊กป้อม-ธรรมนัส” นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีต ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน และอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดื่มกาแฟร่วมกันที่ร้านจานิสตาร์ ชั้น 1 ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ภายหลังหารือร่วมกันที่บริเวณชั้นบน ทั้งนี้ คาดว่านายสีหศักดิ์ ถูกทาบทาม […]

“ธรรมนัส” ปัดแย่งเก้าอี้กลาโหม “บิ๊กป้อม” ไม่กังวลปมคุณสมบัติ

พรรคภูมิใจไทย 6 ก.ย.- “ธรรมนัส” ปัดแย่งเก้าอี้กลาโหม “บิ๊กป้อม” อุบตอบ “กล้าธรรม” ได้กระทรวงอะไรเพิ่ม ไม่กังวลปมคุณสมบัติ เหตุตัวเองเป็น “รมต.” มา 2 รอบแล้ว แย้ม เลขาฯ พรรค ต้องได้เก้าอี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม เดินทางมายังที่ทำการพรรคภูมิใจไทย เพื่อพบกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเป็นการส่วนตัว จากนั้นเวลา 16.50 น. นายอนุทิน และ ร.อ.ธรรมนัส เดินลงจากที่ทำการพรรคมายังร้านกาแฟจาริสต้าร์ ซึ่งมี น.ส.ธนพร ศรีวิราช ภรรยาของ ร.อ.ธรรมนัส รออยู่ ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส สั่งเครื่องดื่มอเมริกาโน่ร้อน ไม่หวาน ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า มาซื้อกาแฟวันนี้ หมายความว่าได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้วใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนมารับภรรยา เมื่อถามว่า พรรคกล้าธรรมมีการพูดคุยตำแหน่งรัฐมนตรีลงตัวแล้วหรือไม่ […]

พายุไต้ฝุ่น ‘เผ่ย์ผ่า’ ถล่มชิซูโอกะในญี่ปุ่น

โตเกียว 6 พ.ย. – พายุไต้ฝุ่น “เผ่ย์ผ่า” (Peipah) ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักในจังหวัดชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ในวันศุกร์ โดยมีรายงานว่าลมกระโชกแรงจากพายุลูกนี้ทำลายอาคารไปอย่างน้อย 220 หลัง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 23 คน เอ็นเอชเค สื่อสาธารณะของญี่ปุ่นรายงานว่า ตรวจพบกระแสลมแรงใน เขตเทศบาล 4 แห่งของจังหวัดชิซูโอกะ ซึ่งรวมถึงเมืองโยชิดะและเมืองมากิโนะฮาระ เจ้าหน้าที่เมืองมากิโนะฮาระระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย 20 ราย ณ เวลา 21:30 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 19.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย นอกจากนี้ เอ็นเอชเค ยังรายงานด้วยว่า มีอาคารอย่างน้อย 43 หลังในเมืองมากิโนะฮาระถูกทำลายทั้งหมดหรือเสียหายครึ่งหนึ่งและอีก 184 หลังได้รับความเสียหายบางส่วน พายุ “เผ่ย์ผ่า” ได้ลดระดับลงเป็นพายุโซนร้อนเมื่อเวลาประมาณ 21:00 น. ของวันศุกร์ ตามเวลาท้องถิ่น […]

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กป้อม” สยบข่าวชิงเก้าอี้กลาโหม ประกาศไม่รับตำแหน่งในรัฐบาล

พรรคพลังประชารัฐ 8 ก.ย.-“บิ๊กป้อม” ประกาศไม่รับตำแหน่งในรัฐบาล – ไม่นั่ง รมว.กลาโหม ยืนยันยินดีสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เมื่อเวลา 09:18 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวถึงการต่อรองและแย่งชิงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมีตนเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ทำให้สับสนวุ่นวาย ว่า ตนมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนให้รัฐบาลและท่านนายกรัฐมนตรีได้ทำงานเพื่อแก้ปัญหาบ้านเมืองได้อย่างเต็มที่ภายในระยะเวลา 4 เดือนก่อนยุบสภาโดยไม่ต้องกังวลต่อการต่อรองหรือเรียกร้องใดๆ พร้อมทั้งขอประกาศเจตนารมณ์ของตัวเองที่จะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล รวมถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตามที่เป็นข่าว พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวว่า การตัดสินใจในครั้งนี้ เพื่อเปิดทางให้นายกรัฐมนตรีได้เร่งสรรหาบุคคลที่เหมาะสมที่จะแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และทะนุบำรุงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่สามารถทำงานได้จริงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการต่อรองใดๆ โดยเอาประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง “ผมยินดีที่จะสนับสนุนอยู่เบื้องหลังและพร้อมใช้ความรู้ ประสบการณ์และเครือข่ายระหว่างประเทศด้านความมั่นคงของผมที่มี ถ้าสามารถจะเป็นประโยชน์ได้ไม่ว่าในด้านใดก็ตาม และต้องการที่จะเห็นประเทศชาติของเราเดินหน้าสู่การแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังโดยเร็ว” พล.อ.ประวิตร กล่าว .-316 -สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักมากบางพื้นที่ใน กทม.และปริมณฑล-ตะวันออก

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักมากบางพื้นที่ใน กทม.-ปริมณฑล และภาคตะวันออก บริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขัง น้ำรอการระบาย กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมขัง น้ำรอการระบาย โดยเฉพาะบริเวณชุมชนเมือง เช่น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า […]

มทภ.2 วอนอย่าหลงเชื่อข่าวปั่นกระแสพูดโยงการเมือง

7 ก.ย. – แม่ทัพภาค 2 วอนอย่าหลงเชื่อ ข่าวปั่นกระแสพูดโยงการเมือง ยันทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย ชาติ พระมหากษัตริย์ และประชาชน เท่านั้น เมื่อวันที่ 7 ก.ย.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีสื่อโซเชียล นำภาพของตนมาประกอบกับข้อความเรื่องโยงการเมืองว่า ขอพี่น้องประชาชนโปรดอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เป็นการสร้างกระแส ยุยง ปลุกปั่น ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ตนพูดชัดอยู่แล้วว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง ตนเป็นทหาร ไม่ยุ่งเรื่องการเมืองอยู่แล้ว การเมืองก็ให้เขาว่ากันไป เรามีหน้าที่ดูแลอธิปไตยของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน นี่คือหน้าที่ของทหาร “ถึงผมจะเกษียณอีกไม่กี่วัน แต่ผมก็คือทหาร จะไม่ยุ่งเกี่ยวทางการเมืองอย่างแน่นอน” พล.ท.บุญสิน กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

โคลนผุดบนถนนย่านวงเวียนใหญ่ ชาวบ้านหวั่นถนนทรุด

กทม. 7 ก.ย. – ดินโคลนผุดใต้พื้นถนนบริเวณจุดก่อสร้างรถไฟฟ้า ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินก่อนเข้าวงเวียนใหญ่ ชาวบ้านหวั่นพื้นทรุดตัว เจ้าหน้าที่เร่งถมยางมะตอย หลังจากฝนตกติดต่อกันหลายวัน ช่วงบ่ายของวันนี้ บริเวณจุดก่อสร้างรถไฟฟ้า ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินก่อนเข้าวงเวียนใหญ่ มีโคลนสีเหลือง ผุดขึ้นมาบนพื้นถนนจำนวนมาก จนทำให้การจราจรบริเวณนั้นติดขัด โดยพื้นที่บริเวณดังกล่าวกำลังมีการก่อสร้าง โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก ) ซึ่งสาเหตุที่มีโคลนสีเหลืองผุดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก สันนิษฐานว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นสาเหตุทำให้น้ำเข้าไปขังใต้พื้นถนนกลายเป็นดินโคลนที่ผุดขึ้นมา ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่โครงการรถไฟฟ้า ได้นำยางมะตอยเข้ามาถมจุดที่มีโคลนผุดขึ้นมา พร้อมกับจัดเจ้าหน้าที่คอยสอดส่องการทรุดตัวของพื้นถนน เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับประชาชนที่สัญจรเส้นทางดังกล่าว ฝากประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่จะสัญจรเส้นทางดังกล่าว หากไม่มีกรณีเร่งด่วนให้หลีกเลี่ยง หรือเปลี่ยนเส้นทางสัญจร เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน.-สำนักข่าวไทย