นครศรีธรรมราช 9 พ.ย.- คนร้ายบุกยิงถล่มบ้านคู่อรินับ 10 นัด เด็กหญิง 14 ปี นอนอยู่บนบ้านรับเคราะห์แทนพ่อ โดนกระสุนเจาะศีรษะปางตาย และยังมีเด็กข้างบ้านเจอลูกหลงเจ็บอีกคน
เจ้าหน้าที่นำตัวเด็กหญิงศศิประภา ยี่สุ่นแซม อายุ 14 ปีส่ง รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช หลังเกิดเหตุคนร้าย 4 คน บุกยิงถล่มบ้านเลขที่ 88/4 หมู่ 11 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นับ 10 นัด กระสุน 1 นัดเจาะเข้าที่ศีรษะของเด็กหญิงศศิประภาที่นอนอยู่บนบ้านอาการสาหัส ขณะที่นางทัดดาว ยี่สุ่นแซม อายุ 36 ปี มารดาที่เดินทางมาพร้อมกับลูกที่ได้รับบาดเจ็บ ตามเสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยเลือด ร้องไห้อย่างน่าเวทนา และอยู่ในอาการตกใจสุดขีด จนเป็นลมล้มพับหลายครั้ง เจ้าหน้าที่ต้องนำไปปฐมพยาบาลภายในห้องฉุกเฉินจนฟื้น แต่ยังอยู่ในอาการโศกเศร้าตลอดเวลา
โดยนางทัดดาว ให้การกับตำรวจทั้งน้ำตาว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนำลูกคนเล็กไปนอนในห้องนอนและปิดไฟบ้านหมดแล้ว ส่วน เด็กหญิงศศิประภา ลูกคนโตนอนดูทีวีนอกห้อง ปรากฏว่ามีคนร้ายคาดว่าไม่ต่ำกว่า 3-4 คน มาเรียกสามีคือนายวิชัย ยี่สุ่นแซม อายุ 39 ปี ที่บริเวณหลังบ้านหลายครั้ง แต่สามีไม่อยู่ เนื่องจากไปนอนที่นากุ้งของนายจ้าง เมื่อไม่มีเสียงตอบคนร้ายจึงใช้ปืนกระหน่ำยิงถล่มในบ้านของตนและบ้านใกล้เคียงนับ 10 นัด หลังสิ้นเสียงปืนตนได้ออกไปดู พบลูกสาวนอนจมกองเลือด มีเลือดออกจากศีรษะไม่หยุด ด้วยความตกใจ จึงร้องขอความช่วยเหลือเพื่อนบ้าน ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่มารับลูกส่ง รพ. ส่วนสาเหตุไม่ทราบว่าสามีไปมีเรื่องบาดหมางกับใคร
ขณะที่รองผู้กำกับ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช นำกำลังเข้าทำการตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบรอยเลือดเต็มพื้นบ้าน และยังมีเด็กถูกลูกหลงบาดเจ็บอีก 1 คน เด็กชายภัทรพงศ์ บุหงอ อายุ 4 ขวบ อยู่บ้านเลขที่ 81/4 หมู่ 11ต.ปากพูน อ.เมือง ซึ่งอยู่ติดกัน โดนยิงเข้าที่ท้อง 1 นัด ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลท่าศาลาไปก่อนแล้ว นอกจากนี้ ยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่จำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
นางสาววิไลรัตน์ ยี่สุ่นแซม น้องสาวของนายวิชัย ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุเล่าว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนในหมู่บ้าน ซึ่งมีเรื่องขัดแย้งกับนายวิชัยมาก่อน ได้ตามมาก่อเหตุถึงบ้านขณะที่นายวิชัยไม่อยู่ ทำให้ลูกสาว และเด็กข้างบ้านรับเคราะห์แทน นอกจากนี้ รถยนต์ของตนเองที่จอดอยู่ก็ถูกยิงเสียหายเช่นกัน
หลังเกิดเหตุ ตำรวจระดมกำลังออกไล่ล่าคนร้าย จนจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว 1 คน พร้อมอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก จึงนำตัวไปสอบสวนขยายผล และกำลังติดตามผู้ก่อเหตุที่เหลือมาดำเนินคดี.-สำนักข่าวไทย