เชียร์ กนง.ลดดอกเบี้ยร้อยละ 0.25

กรุงเทพฯ 6 พ.ย. –  ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ หนุน กนง.ลดดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ชะลอเงินบาทแข็งค่า 


นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า สนับสนุนคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยปีนี้อย่างน้อยร้อยละ 0.25  เพราะเห็นว่า จะเป็นตัวเสริมช่วยให้เศรษฐกิจไทยพร้อมเข้าสู่สัญญาณการปรับตัวดีขึ้น  ทำให้ประชาชนมีอำนาจซื้อที่ดีและธนาคารพาณิชย์สามารถปล่อยสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้จะมีส่วนช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปีมีสัญญาณของการฟื้นตัวขึ้น และช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยปีหน้ามีภาพของการขยายตัวเกินกว่าร้อยละ 3 ได้ ภายใต้บรรยากาศเศรษฐกิจโลกที่คลี่คลายลง  

สำหรับสิ่งสำคัญของการลดดอกเบี้ยยังช่วยลดแรงกดดันเงินบาทให้ไม่แข็งค่ามากเกินไป เพราะขณะนี้ความแตกต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยไทยและดอกเบี้ยโลกยังค่อนข้างมาก ขณะที่ดอกเบี้ยโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ดังนั้น การที่ดอกเบี้ยของไทยปรับลดลงสอดคล้องกับดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ความต่างดอกเบี้ยของไทยที่สูงกว่าดอกเบี้ยโลกจะลดลงเมื่อเทียบดอกเบี้ยนานาชาติ ช่วยลดแรงจูงใจเงินไหลเข้า จะมีส่วนช่วยให้เงินบาทมีแนวโน้มไม่แข็งค่าเร็วเกินไป ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้การท่องเที่ยวและการส่งออกของไทยปรับตัวได้ดีในช่วงไตรมาส 4 นี้ จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ 


อย่างไรก็ตาม หาก กนง.ไม่ลดดอกเบี้ยจะต้องติดตามเงินบาทที่จะแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ และเงินเฟ้อจะดีขึ้นหรือไม่ กำลังซื้อปรับตัวดีขึ้นหรือไม่ หากเห็นว่าเศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวจากการใช้มาตรการทางการคลังได้ กนง.อาจยืนอัตราดอกเบี้ยไปได้จนถึงกลางปีหน้า หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เห็นว่าดอกเบี้ยที่ไม่ลดในการประชุมเดือนพฤศจิกายนนี้ก็สามารถลดในการประชุมเดือนธันวาคมได้ ยังไม่สายจนเกินไป การลดดอกเบี้ยปีนี้ควรลดร้อยละ 0.25 เป็นอย่างน้อย

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยไม่เพียงกระตุ้นด้วยดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.เท่านั้น จะต้องใช้นโยบายการคลังอย่างต่อเนื่อง มีการใช้งบประมาณต้นปีหน้า และส่งเสริมเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) อย่างต่อเนื่อง  

 “หากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ กนง.และการใช้นโยบายการคลังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยดีขึ้นได้เป็นสัญญาณน่ากังวล เพราะภาคเศรษฐกิจไทยควรจะมีสัญญาณการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้เป็นต้นไป เพื่อจะทำให้ประเทศไทยมีความโดดเด่นบนเวทีโลก ภายหลังการประชุมอาเซียนที่ไทยระบุว่าพร้อมที่เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ดีและพื้นที่อีอีซีเป็นพื้นที่สำคัญที่จะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา”  นายธนวรรธน์ กล่าว


นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยต่ำที่สุดในอาเซียนและต่ำกว่ากลุ่มประเทศ CLMV อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำกว่าศักยภาพของประเทศที่ควรจะขยายตัวในระดับร้อยละ 4-5 ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หากเศรษฐกิจไทยไม่สามารถขยายตัวใกล้เคียงร้อยละ 5  และไม่สามารถฟื้นตัวได้ช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ทำให้ความโดดเด่นของประเทศไทยชะลอลง สะท้อนให้เห็นว่าไทยไม่สามารถปรับตัวให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ ภายใต้เศรษฐกิจโลกผันผวนได้ในเวลาอันรวดเร็ว ขณะที่ประเทศอื่น ๆ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจใกล้เคียงที่ร้อยละ 5 ได้  ดังนั้น ประเทศไทยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้นโยบายการเงินการคลังช่วยผลักดันเศรษฐกิจประเทศในช่วงต้นปีหน้าขยายตัวในกรอบร้อยละ 3-3.5 ให้ได้ ด้านนโนบายการคลังจะต้องเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตามแผน ด้วยการเร่งโครงการลงทุนในพื้นที่อีอีซี และจำเป็นต้องมีความชัดเจนเรื่องผังเมือง พร้อมเร่งเดินหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ในประเทศ 

ส่วนปีหน้าถ้ามีการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ก็ควรจะเร่งผลักดันการเบิกจ่ายงบประมาณของ อปท.ซึ่งค้างอยู่ในระบบประมาณ 100,000-200,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ เนื่องจากประเทศไทยส่งออกขยายตัวติดลบ ทำให้เงินหายไปจากระบบเศรษฐกิจประมาณ 200,000-300,000 ล้านบาท การที่มีเงิน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐไม่ว่าจะเป็นมาตรการชิม ช้อป ใช้ หรือโครงการประกันรายได้เกษตรกร จะช่วยให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ประมาณ 70,000-100,000 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้น ช่วงต้นปีหน้าควรจะผลักดันให้มีการใช้งบลงทุน เพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบให้ได้ประมาณ 200,000 ล้านบาท .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่

ระเบิดปากีสถาน

ยอดเสียชีวิตจากเหตุระเบิดสถานีรถไฟปากีสถานเพิ่มเป็น 24 รายแล้ว

เหตุระเบิดสถานีรถไฟในเมืองเควตตา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ตายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 ราย บาดเจ็ดมากกว่า 40 ราย