กรุงเทพฯ 4
พ.ย.-สรรพากรมุ่งปฏิรูปแผนจัดเก็บภาษีรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล เดินหน้า รีแบรนดิ้ง
“เปลี่ยนยักษ์ เป็นยิ้ม” เน้นให้บริการผู้เสียภาษี ยืนยันรับโอนเงินบริจาคทอดกฐินเกิน 3
พันครั้งต่อปีไม่ถูกตรวจภาษี เน้นดูเจตนาการรับโอนหรือค้าขายออนไลน์
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส อธิบดีกรมสรรพากร
ประชุมผู้บริหารกรมสรรพากรทั่วประเทศ
เพื่อปฏิรูปการทำงานของกรมสรรพากร เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีเปลี่ยนไปมาก
การค้าขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์
หลังจากกรมสรรพากรมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูลผ่านเทคโนโยยี การใช้นวัตกรรม ในช่วงปีที่ผ่านมาได้ทำรายได้ภาษีสรรพากรเกินเป้าหมายในงบประมาณปี
62 จำนวน 9,310 ล้านบาท และคาดว่าในปี 63 จัดเก็บภาษีได้ 2.116 ล้านล้านบาท
ในช่วงที่ผ่านมาได้มีผู้ยื่นแบบเสียภาษีผ่านออนไลน์ 11.7 ล้านคน
จากปัจจุบัน ผู้มีรายได้เข้าข่ายเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 14 ล้านคน โดยเฉพาะผู้ค้ารายย่อย การดึงเข้ามาสู่ระบบเพื่อสร้างความเท่าเทียมกันระหว่างผู้ค้ายื่นแบบเสียภาษีกับผู้ยังหลีกเลี่ยง นับว่ายังมีช่องว่าง 3
ล้านคนที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน
เพื่อรองรับเศรษฐกิจยุคดิจิทัล
สรรพากรจึงต้องการ ปฏิรูปองค์กร (รีแบรนดิ้งสรรพากร)
ยกระดับรูปแบบการทำงานแบบกระจาย สร้างนวัตกรรม รวดเร็ว ยึดผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลาง
เน้นให้เป็นผู้บริการภาษีแทนการมุ่งตรวจสอบ
เน้นผลรับที่จะได้
เน้นทำงานเป็นทีม มองว่าการพัฒนาระบบกระจายช่วยแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ
การปฏิรูปกรมสรรพากร คาดว่าจะทำให้รายได้ตรงเป้าหมาย บริการตรงใจ แต่ต้องการสื่อสารกับแพลทฟอร์มออนไลน์ทั้งหลาย
เพื่อจัดทำภาษีให้ง่ายมากขึ้น สำหรับคนดีแจ้งถูกต้องพร้อมดูแล
เพื่อไม่ให้เพิ่มภาระกับผู้เสียภาษี
แต่หากคดโกงพร้อมจัดการเพื่อดำเนินการให้ถูกต้อง
สำหรับ พ.ร.บ.e-Payment หรือ
พ.ร.บ.สินค้าออนไลน์ ขณะนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างจัดเตรียมเสนอ
ครม.พิจารณาเห็นชอบในเร็วๆนี้
เกี่ยวกับการเปิดเผยธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบ E-Payment ทั้งรูปแบบ
Internet Banking, Mobile Banking หรือผ่านหลายช่องทาง
กำหนดให้สถาบันทางการเงินและผู้ให้บริการ e-Wallet เป็นผู้ส่งข้อมูลให้กรมสรรพากร
ทำการตรวจสอบข้อมูลทางการเงิน
โดยประชาชนผู้ใช้บริการ หรือพ่อค้าแม้ค้าขายของออนไลน์ ไม่ต้องส่งรายงานธุรกรรมทางการเงินให้กรมสรรพากร
เกี่ยวกับบัญชีเงินฝากที่มีการรับโอนเงิน-ฝากเงินเข้าบัญชี 400 ครั้งต่อปี
หรือมียอดเงินรวม 2 ล้านบาทขึ้นไป
และการรับโอนเงิน หรือฝากเงินเข้าบัญชี 3,000 ครั้งต่อปีขึ้นไป
“หากใครเป็นเจ้าภาพทอดกฐินตามวัดต่างๆ
รับโอนเงินมากกว่า 3 พันครั้ง หรือรับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกสรรพากรตรวจสอบ จากสรรพากร เพราะจะดูยอดการทำธุรกรรมกับปีก่อน
จึงไม่ต้องกังวล หากไม่ได้ค้าขายเกินกำหนดที่ต้องยื่นแบบเสียภาษี เพราะตามหลักการแล้ว
หากพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ สงสัยปรึกษาสรรพากรพื้นที่
เพราะได้ปรับบทบาทการมุ่งตรวจสอบมาเป็นการให้คำปรึกษา
เพื่อดึงรายย่อยเข้าระบบอย่างเป็นธรรม” นายเอกนิติ กล่าว
2,000 ล้านบาท ยื่นแบบเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในปัจจุบัน 2,000 แสนราย สัดส่วนรายได้ร้อยละ 64
ของมูลค่าภาษีทั้งหมด ยอดเงินประมาณ 2.42 แสนล้านบาท
ส่วนกลุ่มธุรกิจขนาดกลางมูลค่ารายได้ 500-2,000
ล้านบาท มีสัดส่วนร้อยละ 1 หรือประมาณ 5,900 ราย ยอดภาษีประมาณ 55 ,000 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายขยายฐานภาษีจากนิติบุคคลภายใน 3 ปี
ข้างหน้า.-สำนักข่าวไทย