“สุริยะ” พอใจผลงาน 99 วัน สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน

กรุงเทพฯ 31 ต.ค. – “สุริยะ” โชว์ผลงาน “99 วัน อุตสาหกรรมทำได้” ผ่าน 5 ประเด็นหลัก สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนจากปัญหาสงครามการค้า


นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แถลงผลการทำงานในช่วง 3 เดือน “99 วัน อุตสาหกรรมทำได้ ” ว่า ค่อนข้างพอใจกับผลการทำงานในช่วงที่ผ่านมา ที่ได้ดำเนินการร่วมกับภาคเอกชนโดยเฉพาะสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เช่น การส่งเสริม Ease of Doing Business, การส่งเสริม Made in Thailand เป็นต้น และตอบโจทย์ของประชาชนในพื้นที่ เช่น การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน  

ทั้งนี้ สามารถจัดกลุ่มผลงานออกมาเป็น 5 เรื่องหลัก  ได้แก่ 1.การสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคอุตสาหกรรม โดยส่งเสริม Made in Thailand โดยบูรณาการร่วมกับสภาอุตสาหกรรมฯ อย่างใกล้ชิด โดยได้ดำเนินการใน 2 ประเด็นหลัก คือ 1.การเชิญชวนและดึงดูดนักลงทุน ผู้ประกอบการต่างชาติ ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย  ที่พร้อมในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อเชื่อมโยงการลงทุนไปสู่ภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV  และยังร่วมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เพื่อหารือความร่วมมือด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม พร้อมเชิญชวนให้นักลงทุนจีนและฮ่องกงมาลงทุนหรือขยายการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC โดยเฉพาะในช่วงของสงครามการค้า 2.ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ จัดทำกรอบและแนวทางการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของการลงทุน เพื่อชักจูงและรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติมายังประเทศไทย ใช้ชื่อโครงการว่า “Thailand Plus Package” เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์  อำนวยความสะดวก เพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจแก่นักลงทุน  และคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2562  โดยมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมจัดเตรียมและจัดหาที่ดินสำหรับนักลงทุน ซึ่งได้จัดเตรียมพื้นที่รองรับไว้แล้ว ประมาณ 6,466 ไร่ 


 2.การพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงพื้นที่ โดยดำเนินการพัฒนานิคมในพื้นที่ EEC ในโครงการท่าเรืออุตสาหกรรม   มาบตาพุดระยะที่ 3 ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักโครงการแรก 1 ใน 5 Mega Project List ในพื้นที่ EEC เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ในพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 1,000 ไร่ โดยได้ร่วมลงนามในสัญญาร่วมลงทุนระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กับ บริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด มูลค่าโครงการประมาณ 47,900 ล้านบาท โดยหลังจากดำเนินการพัฒนาแล้วเสร็จ จะสามารถรองรับสินค้าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติและสินค้าด้านปิโตรเคมีได้เพิ่มอีกประมาณ 14 ล้านตันต่อปี 

3. การปฏิรูปกระทรวงอุตสาหกรรมไปสู่ Smart Government โดยการนำระบบ i-Industry มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่มาติดต่อรับบริการ ในรูปแบบ One Stop Service และเชื่อมโยงข้อมูลให้เป็นหนึ่งเดียวทั้งกระทรวงฯ เช่น ระบบการขอใบอนุญาต รง.4 ออนไลน์  นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมยังได้พัฒนาระบบE-licenseเพื่ออำนวยความสะดวกโดยผู้ประกอบการสามารถยื่นคำร้องผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่ต้องเดินทางมาที่สถานที่ราชการ 

 4.ลดขั้นตอนผู้ประกอบการ SMEs และ Start up เข้าถึงสินเชื่อโดยได้ดำเนินโครงการ “สินเชื่อ SME โตไว ไทยยั่งยืน” ภายใต้กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ วงเงิน 3,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 3 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี  โดยสั่งการลดขั้นตอนการขอสินเชื่อจากปกติที่ต้องใช้ระยะเวลา 3 เดือน เหลือเพียงไม่ถึง 1 เดือน เท่านั้น โดยสามารถยื่นคำขอสินเชื่อได้ที่อุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน 2562  ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 3,000 ล้านบาท ให้เสร็จสิ้นในระยะเวลา 3 เดือน 


 5.การดูแลประชาชนและผู้ประกอบการ กระทรวงอุตสาหกรรมเล็งเห็นถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในการใช้สินค้าต่าง ๆ จึงดำเนินการกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น จำนวน 244 เรื่อง  เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 495 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ซึ่งมีการประกาศมาตรฐาน เพียง 41 เรื่องและได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เคร่งครัดการตรวจสอบ ส่งผลให้มีการพักใช้ใบอนุญาตผู้ที่ไม่แจ้งข้อมูลปริมาณการนำเข้าสินค้า 3,566 ฉบับ ซึ่งมากเป็นประวัติการณ์  โดยตลอด 50 ปีที่ผ่านมาของ สมอ.มีการพักใบอนุญาตเพียง 50 ฉบับเท่านั้น  

นอกจากนี้ จากเหตุการณ์อุทกภัยพายุโพดุล กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้ออกมาตรการเร่งด่วน 7 มาตรการ โดยได้ลงพื้นที่ภาคอีสาน 4 จังหวัด ทำทันที ซ่อมสร้าง ฟื้นฟู ช่วยเหลือประชาชนและ ผู้ประกอบการกิจการโรงงานเอสเอ็มอี หรือวิสาหกิจ ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี และค่าธรรมเนียมจดทะเบียนเครื่องจักรให้กับสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบเป็นเวลา 3 ปี       

“ยังคงเดินหน้าอุตสาหกรรมทำต่อหลายด้าน อาทิ การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 กระทรวงฯ เร่งบังคับใช้มาตรฐานมลพิษจากรถยนต์ที่เทียบเท่า Euro 5 ให้เสร็จภายในปี 2564 เพื่อลดผลกระทบจากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ติดกรงเล็บ SMEs ผ่านโครงการ InnoSpace (Thailand) โดยได้ลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรด้านการลงทุนในการส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรม ผู้ประกอบการ และวิสาหกิจเริ่มต้น เดินหน้าสร้าง National Platform สนับสนุน Startup ตลอดวงจรชีวิต และจุดประกายเกษตรอุตสาหกรรมด้วยการยกระดับศักยภาพ SMEs อุตสาหกรรมอาหารแปรรูปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ร่วมกับสถาบันอาหารภายใต้ศูนย์ ITC-Mie Thailand Innovation Center” นายสุริยะ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลักพุ่งเหินฟ้าคารถ 6 ล้อ

รอดตายปาฏิหาริย์! วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลัก ก่อนพุ่งเหินฟ้าติดคาบนรถ 6 ล้อ พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือออกมาจากรถ ปลอดภัย

กกต.สั่งเอาผิดอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ

กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายเลือกตั้งไม่ตรงความเป็นจริง โทษหนักทั้งจำคุก-ตัดสิทธิ 5 ปี

ข่าวแนะนำ

นายกฯ​ ขอบคุณสื่อร่วมทำงาน บอกเป็นคนตรงๆ ไม่ค่อยคิดร้าย

นายกฯ​ ขอบคุณสื่อร่วมทำงาน บอกอายุน้อยที่สุดต้องสร้างความสดใสทุกวงการ​ ขอให้เข้าใจคาแรคเตอร์ส่วนตัวเป็นคนตรง-โผงผาง​ ไม่ค่อยคิดร้ายกับใคร

เลขาฯ กฤษฎีกา ยันยังไม่มีข้อสรุปปม “กิตติรัตน์”

“เลขาฯ กฤษฎีกา” ยันยังไม่ปัดตก “กิตติรัตน์” นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ หรือไม่ เผยเตรียมประชุมคณะกรรมการร่วม สอบคุณสมบัติพรุ่งนี้

“กิตติรัตน์” เคารพการพิจารณา หลังไม่ผ่านคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ

“กิตติรัตน์” โพสต์ข้อความ หลังไม่ผ่านคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ลั่นไม่มีอะไรค้างคาใจ-ไม่เคยขลาดกลัวหนีหายเอาตัวรอด ระบุได้อาสาทำงานให้ประเทศแล้ว ยันเคารพการพิจารณา

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท