รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาสหรัฐตัดสิทธิจีเอสพีไทย

ทำเนียบฯ 29 ต.ค.- นายกฯ ยืนยันรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาสหรัฐตัดสิทธิจีเอสพี ไทย เตรียมเจรจาขอคืนสิทธิโดยเร็ว พร้อมหาแนวทางเปิดตลาดใหม่ รองรับการค้าโลก ขอประชาชนอย่าวิตกกังวล และอย่าเชื่อมโยงประเด็นอื่น ๆ


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีสหรัฐอเมริการะงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (จีเอสพี) ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ ซึ่งได้พยายามมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ทั้งในส่วนของกระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ ในปีนี้เมื่อสหรัฐประกาศตัดสิทธิ ก็จำเป็นต้องไปพิจารณาว่ามีปัญหาในจุดใด และนำไปสู่การเจรจาขอคืนสิทธิต่อไป 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้เจรจามาหลายครั้งแล้ว และได้รับกลับคืนมา 7 รายการ แต่ในครั้งนี้มีผลในหลายรายการ ซึ่งไม่เฉพาะแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่ถูกตัดสิทธิ แต่หลายประเทศในอาเซียนก็ถูกตัดสิทธิเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากมองวิกฤติเป็นโอกาส ก็ต้องพยายามหามาตรการแก้ไขระยะสั้น คือ การเจรจาเพื่อขอคืนสิทธิให้ได้โดยเร็ว ซึ่งอาจเป็นหลังการประชุม East Asia Summit ภายใต้การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยเจรจาภายใต้กรอบการตกลงทางการค้าและการลงทุนของไทยและสหรัฐต่อไป 


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในระยะยาว คือการหาตลาดใหม่เพิ่มเติม ได้แก่ รัสเซีย ยุโรปตะวันออก อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ด้วยการจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี ตลอดจนการขยายการลงทุนไปยังประเทศที่ยังคงได้รับสิทธิ GSP โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน คือ กัมพูชา อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีมากกว่าไทย อีกทั้งต้องปรับกลยุทธ์ทางการแข่งขัน ยกระดับความสามารถด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี และการพัฒนาคุณภาพสินค้า เพื่อรองรับสถานการณ์การค้าในตลาดโลกที่มีการแข่งขันอย่างเสรี 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอประชาชนอย่าวิตกกังวล เพราะรัฐบาลกำลังหามาตรการแก้ไขปัญหา และจะหารือร่วมกับภาคเอกชนด้วย เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อสหรัฐมีการให้สิทธิ ก็สามารถเรียกคืนสิทธิได้ ซึ่งการที่ระบุเหตุผลว่าไทยมีปัญหาเรื่องแรงงาน ก็ต้องไปพิจารณาเรื่องนี้ด้วย เพราะยังมีกฏหมายและบางมาตรการที่ไทยยังไม่สามารถปฏิบัติได้ เพราะเป็นเรื่องภายในที่ต้องระมัดระวังผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องสิทธิประโยชน์ และสหภาพแรงงานต่างด้าวในไทย ซึ่งหลายประเทศก็ไม่ได้ดำเนินการเช่นเดียวกับไทย ดังนั้น ต้องไปดูตรงจุดนี้อีกครั้ง ขออย่านำไปเชื่อมโยงกับเรื่องนั้นเรื่องนี้ เพราะไม่เกิดประโยชน์ และขอให้ลดผลกระทบในเรื่องเหล่านี้ด้วย เพราะจะไม่มีผลดีต่อการเจรจาในอนาคต 


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มาตรการแก้ไขปัญหา GSP ได้หารือในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจเมื่อช่วงเช้าแล้ว เพราะเป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามทำมาตลอด เพียงแต่ปัญหาคือไทยไม่ได้ทำฝ่ายเดียว แต่ต้องให้อีกฝ่ายยอมรับด้วย ดังนั้น ไทยต้องสร้างความเข้มแข็งให้ได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง