กรุงเทพฯ 28 ต.ค.-นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานมหกรรมแสดงเทคโนโลยีดิจิทัลระดับนานาชาติ ระบุเมื่อเกิดสงครามทางการค้า ต้องแก้ปัญหาจากภายในภายใต้ผลประโยชน์ของคนไทย จะไปก้าวล่วงคนอื่นไม่ได้ และคนอื่นจะมาก้าวล่วงเราไม่ได้เช่นกัน ยันรัฐบาลเร่งสร้างความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลขอทุกฝ่ายร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยดิจิทัลอย่างไร้รอยต่อ
ที่ไบเทค บางนา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมแสดงเทคโนโลยีดิจิทัลระดับนานาชาติ Digital Thailand Big Bang 2019 : โลกเปิด เราปรับ ประเทศเปลี่ยน : ASEAN Connectivity ที่จัดโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า สังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อบทบาทของประเทศไทยในเวที ASEAN Connectivity
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกวันนี้การสร้างการเชื่อมโยงภายในเพียงอย่างเดียวไม่พอ ต้องเชื่อมโยงกับรอบบ้านภายนอกกับต่างประเทศด้วย ในวันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะเห็นพัฒนาการทางด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการขับเคลื่อนนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล ตนขอชื่นชมและให้กำลังใจในความเข้มแข็งของทุกภาคส่วนในการเร่งสร้างความพร้อมเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยดิจิทัล วันนี้ต้องทำให้ดิจิทัลเกิดประโยชน์กับทุกภาคส่วน ทั้งการเงินการบริการ เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ให้ได้มากที่สุด อย่างเชื่อมโยง ไร้รอยต่อ ไม่มีอุปสรรค
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของการนำข้อมูลจากภาครัฐ หรือ Big Data เข้ามาแก้ไขต่าง ๆ ของประเทศไทย เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ซึ่งต้องทำ Big Data มาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อลดความซับซ้อน และเพิ่มประสิทธิภาพรัฐบาลกำลังเดินหน้า แม้ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถทำได้ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำ ทุกอย่างต้องเดินไปตามขั้นตอนจนถึงการก้าวไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วด้วยการทำตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทุกอย่างมีโรดแมปในการเดินหน้าของประเทศ หลายอย่างไม่ใช่คิดแล้วทำได้เลย เนื่องจากเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก มีกฎหมายหลายตัว ต้องค่อย ๆ แก้ไปเป็นขั้นตอน อะไรที่ร่วมมือทำได้เร็วก็ต้องเร่งทำทุกอย่างต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นหลัก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งเน้นการดำเนินนโยบายประเทศไทย 4.0 การนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยและประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ของภาครัฐมาพัฒนากลุ่มคนและกลุ่มธุรกิจสำคัญคือเกษตรกรและ SMEs ซึ่งเป็นสัดส่วนประชากรส่วนใหญ่ของประเทศเพื่อยกระดับรายได้ให้ทั่วถึง หากสำเร็จประเทศไทยจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น และก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วได้ตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ บนพื้นฐานการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ตามนโยบายเร่งด่วน 12 ข้อ ได้สนับสนุนเรื่องการเดินหน้าเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อให้การพัฒนาเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงยุทธศาสตร์ชาติด้านเศรษฐกิจ ช่วงหนึ่งว่า เมื่อเกิดสงครามทางการค้า ต้องยอมรับว่าเมื่อไม่สามารถแก้ไขกฎหมายของประเทศเขาได้ ก็ต้องเริ่มที่ตัวเราภายใต้ความเห็นชอบและผลประโยชน์ของประชาชนคนไทย จะไปก้าวล่วงคนอื่นไม่ได้ แต่คนอื่นก็จะมาก้าวล่วงเราไม่ได้เช่นเดียวกัน
“สิ่งที่ผมพูดอาจยาว แต่ต้องการให้คนไทยได้เรียนรู้ว่า รัฐบาลมุ่งหวังเดินหน้าประเทศไทย พร้อมกับประเทศรอบข้าง จะขัดแย้งกับใครไม่ได้ทั้งสิ้น ปัญหาของใครของมัน กฎหมายต่างคนต่างมี ต้องเคารพกฎหมายของแต่ละประเทศ หลายอย่างเสี่ยงมีความอ่อนไหวมากในยุคปัจจุบัน ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีและในส่วนของดิจิทัลที่ต้องระมัดระวังในการพูด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับยุทธศาตร์ด้านความมั่นคง การใช้สื่อออนไลน์มีมากมาย มีทั้งดีและไม่ดี หากใช้ในทางที่ดีก็เกิดประโยชน์ หากใช้ในทางไม่ดี ก็มีเรื่องที่ลุกลามไปถึงความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ หรืออาชญากรรมทางไซเบอร์ ที่รัฐบาลต้องเตรียมการแก้ไขตรงนี้ โดยออกพระราชบัญญัติ 2 ฉบับ ประกอบด้วย พ.ร.บ.ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และพ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งขณะนี้มีผลบังคับใช้แล้ว พร้อมกับมีการตั้งคณะกรรมการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ มาดูแล ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการใช้สื่อออนไลน์ ด้วยการอย่าหลงเชื่อสิ่งผิด ๆ หรือโฆษณาต่าง ๆ เช่น แชร์ลูกโซ่ เป็นต้น หากหลงเชื่อจะกลายเป็นเหยื่อที่ถูกหลอก ทุกคนต้องสร้างภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งให้ตนเอง
“ระหว่างที่ผมเดินทางมา ดูเหตุการณ์ในโทรทัศน์ เป็นข่าวหลอกลวงเรื่องของการลงทุนร่วมลงทุน จะเป็นไปได้อย่างไรลงทุน 1,000 บาท ได้กำไร 930 บาทต่อเงิน 1,000 บาท มีคนหลงเชื่อมากมายที่สำคัญคือคนต้องมีภูมิต้านทานภูมิคุ้มกันตนเองก่อน ไม่มีอะไรได้กำไรขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นก็จะหลอกลวงกันไปเรื่อย ๆ ยอมรับว่าทุกประเทศมีปัญหาเรื่องเหล่านี้ ซึ่งต้องช่วยกันแก้สร้างภูมิคุ้มกันของคนไทยให้เข้มแข็ง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการจัดอันดับดิจิตอลของไทยนั้นดีขึ้น ได้อันดับที่ 38 จาก 40 เพราะฉะนั้นสิ่งที่คนไทยปรับและเห็นได้ชัดเจน คือ เรื่องการใช้บริการอินเตอร์เนตแบงก์กิ้งมากขึ้น หรือมีการใช้ระบบออนไลน์ทางการเงินมากขึ้น เพื่อความสะดวกคล่องตัว ส่วนเรื่องเมืองอัจฉริยะ รัฐบาลจะเร่งพัฒนาอย่างเร่งด่วนให้เป็นเมืองอัจริยะด้วยการใช้เทคโนโลยี ให้มีความน่าอยู่ขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับกลุ่มเกษตรกร ที่เป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ ยังอาจเข้าถึงเทคโนโลยีได้ไม่มากนัก รัฐบาลจึงต้องหาวิธีการให้เกษตรกรเรียนรู้ไปด้วยกัน เพิ่มช่องทางหารายได้ จัดทำเอสเอ็มอีให้มีความเข้มแข็ง ซึ่งต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในทุกกระบวนการผลิตไปจนถึงการขายสินค้า โดยรัฐบาลจะเข้าไปช่วยอย่างเต็มที่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เพื่อให้สอดคล้องกับการที่ประเทศไทยได้รับบทบาทประธานอาเซียนอีกครั้งหนึ่งในรอบ 10 ปี งาน Digital Thailand Bigbang 2019 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ASEAN Connectivity ที่มีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลร่วมกับกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง การสร้างแรงงานที่มีทักษะผ่านระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต การพัฒนาระบบการชำระเงินแบบดิจิทัลการเพิ่มประสิทธิภาพและระบบโลจิสติกส์ ให้เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
นายกรัฐมนนตรี กล่าวว่า การรวมตัวกันเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจธุรกรรมระหว่างประเทศสมาชิกให้มีมาตรฐาน และกฎระเบียบข้อบังคับที่มีประสิทธิภาพทั้งในด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงกระแสข้อมูลระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะช่วยให้เศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขยายตัวได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน เพิ่มโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและหากประชาชนช่วยกันสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อใช้โอกาสจากเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสร้างสรรค์ความก้าวหน้าให้กับภูมิภาคอาเซียน และประชาคมอาเซียนที่จะก้าวไปสู่การเติบโตด้วยกันอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาเสร็จสิ้น ได้เดินชมบูธและร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ภายในงาน อาทิ บูธ set ห้องเรียนผู้ประกอบการ บูธสมาร์ทโชห่วย บูธธนาคารต่างๆ บูธธุรกิจออนไลน์ และบูธนวัตรกรรมดิจิตอลต่าง ๆ และบูธชงกาแฟด้วยหุ่นยนต์ นายกรัฐมนตรีได้สั่งกาแฟเย็นมารับประทาน และบอกว่าอันนี้ซื้อ นายกรัฐมนตรีได้ทดสอบรถยนต์ไร้คนขับควบคุมระยะไกลผ่านทางเครือข่าย 5จี ด้วยรีโมทคอนโทรล ซึ่งบรรยากาศภายในงานมีประชาชน นักเรียน นักศึกษา มาชมงาน และเมื่อเจอนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความชื่นชมและพยายามจะถ่ายรูปนายกรัฐมนตรีด้วย.-สำนักข่าวไทย