นนทบุรี 27 ต.ค. – พาณิชย์ประเมินสหรัฐตัดจีเอสพีไทยบางรายการ มีผลต่อการส่งออกไม่มาก แต่บางรายการที่ใช้สิทธิ์มากอาจมีผลแรงกว่าสินค้าอื่น
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐประกาศจะตัดสิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากรทางการค้า (จีเอสพี) ที่เคยให้ไทยบางรายการเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2562 ว่า การส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบประมาณ 0.01% ของการส่งออกรวมของไทยเฉลี่ยรายปี แต่จะมีสินค้าบางรายการที่ใช้สิทธิ์มากอาจได้รับผลกระทบมากกว่ารายการอื่น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2562 สหรัฐประกาศตัดสิทธิจีเอสพีประเทศไทย 573 รายการ (40% จากจำนวนสินค้าที่ไทยใช้สิทธิปี 2561 รวม 1,485 รายการ) มีผลบังคับใช้ 25 เมษายน 2563 และมีการคืนสิทธิให้ไทย 7 รายการ โดยปี 2561 ไทยมีการใช้สิทธิจีเอสพีเพียง 355 รายการ (จาก 573 รายการ) มูลค่า 1,279.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีอัตราการใช้สิทธิเฉลี่ย 66.7% อาทิ อาหารทะเลแปรรูป พาสต้า ถั่วชนิดต่าง ๆ แยมผลไม้ น้ำผลไม้ ซอสถั่วเหลือง เคมีภัณฑ์ อุปกรณ์เครื่องครัวและของใช้ในบ้าน มอเตอร์ไฟฟ้า เหล็กแผ่นและสเตนเลส เครื่องดนตรี และอุปกรณ์ตกปลา
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวเพิ่มเติมว่า การถูกตัดสิทธิจีเอสพี ทำให้ต้นทุนส่งออกไทยจะเพิ่มขึ้นประมาณ 50.33 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากสินค้าไทยกลุ่มนี้จะถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงขึ้นเฉลี่ย 4.5% สนค.ประเมินว่าการถูกตัดสิทธิจีเอสพี ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยอย่างจำกัด อัตราภาษีที่สูงขึ้นอาจทำให้มูลค่าการส่งออกไปสหรัฐ สำหรับสินค้ากลุ่มที่โดนตัดสิทธิปี 2563 เมื่อมาตรการมีผลบังคับใช้ ลดลงมูลค่า 28.8 – 32.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.01 ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทย
ทั้งนี้ การส่งออกไทยมีจุดเด่นในการกระจายตัวของสินค้ากลุ่มใหม่ที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีต่อเนื่องในอนาคต อาทิ เครื่องนุ่งห่มรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน และเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร เครื่องครัว และของใช้ในบ้าน จะช่วยยังสนับสนุนการส่งออกของไทยในตลาดสหรัฐต่อไปได้ แต่การถูกตัดจีเอสพี ทำให้ความได้เปรียบด้านต้นทุนภาษีหมดไปและไทยจะเผชิญการแข่งขันสูงขึ้น ดังนั้น การรักษาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ส่งออกควรกระชับสัมพันธ์กับผู้นำเข้าพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการส่งเสริมการส่งออกและการตลาดเชิงรุก เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด
สำหรับกลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ซึ่งมีการพึ่งพาสิทธิจีเอสพีมากกว่าร้อยละ 50 และส่วนแบ่งตลาดต่ำกว่าร้อยละ 10 ได้แก่ คอนโซล โต๊ะและฐานรองอื่น ๆ ที่ติดตั้งด้วยเครื่องอุปกรณ์ (HS8537) รถจักรยานยนต์ (HS8711) แว่นสายตาหรือแว่นกันลม/กันฝุ่น (HS9004) หลอดหรือท่ออ่อนทำจากยางวัลแคไนซ์ (HS4009) อ่างล้างหน้า (HS6910) เครื่องสูบของเหลว (HS8413) สารเคลือบผิว Epoxy Resin (HS3907) เครื่องสูบลมหรือสูบสูญญากาศ (HS8414) อาหารปรุงแต่งที่ทำจากธัญพืช (HS1904) ยางนอกชนิดอัดลม (HS4011) หากไทยสามารถกระจายความเสี่ยงส่งออกสินค้าที่ถูกตัดสิทธิไปยังตลาดอื่น ๆ ได้ จะช่วยลดกระทบต่อการส่งออกไทยได้.-สำนักข่าวไทย