นนทบุรี 22 มิ.ย. – พาณิชย์เผยผลสำรวจหลังภาครัฐคลายล็อกโควิด ส่งผลภาคธุรกิจสินค้าและบริการกลับมาคึกคักขึ้น พร้อมแนะรัฐบาลเร่งหามาตรการกระตุ้นทุกทาง
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ (สนค.) เปิดเผยสถานการณ์ราคาและปริมาณสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 นที่ 11 – 17 มิถุนายน 2563 โดยภาพรวมสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากมีมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 3 และระยะที่ 4 ประกอบกับไทยได้รับการจัดอันดับเป็นประเทศที่ฟื้นตัวจากโควิด-19 ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากออสเตรเลีย
ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่คลายความกังวลและออกไปจับจ่ายใช้สอยที่ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าไปรับประทานอาหารนอกบ้าน เสริมความงาม ท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ และมีการเดินทางข้ามจังหวัดจำนวนมาก ส่วนสถานการณ์ด้านราคาพบว่าอยู่ในระดับปกติ ผักสดและผลไม้ ราคาปรับขึ้นลงตามสภาพอากาศที่แปรปรวนและช่วงฤดูกาล ส่วนเนื้อสุกร ไก่สด ไข่ไก่ ค่าโดยสารสาธารณะ และค่าตัดแต่งผม ราคาทรงตัว สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้ามีการปรับขึ้นลงตามโปรโมชั่น และสินค้าอนามัยภาวะการค้ากลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง
ส่วนภาคการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถผลิตสินค้าได้อย่างเพียงพอและต่อเนื่อง แต่ยังมีปัญหาและอุปสรรคเดิมที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา อาทิ ขาดสภาพคล่องจากคำสั่งซื้อที่ลดลง ต้นทุนการผลิตปรับสูงขึ้นจากราคาวัตถุดิบ และการขนส่งที่ติดขัดล่าช้า ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ส่วนภาคการผลิตและจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น โดยผู้ผลิตมีแผนปรับเพิ่มกำลังการผลิต ผู้ค้าทยอยปรับเพิ่มสตอกสินค้า และมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น แต่ยังประสบปัญหาการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่ล่าช้า นอกจากนี้ การจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มดีขึ้นจากการซ่อมแซมปรับปรุงอาคารเป็นสำคัญ
ขณะที่ภาคการส่งออก ส่วนใหญ่มีแนวโน้มทรงตัว ยกเว้นสินค้าในกลุ่มข้าวขาว 100% ปลายข้าว ขนมปังกรอบ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และน้ำมันปาล์ม มีแนวโน้มลดลงตามคำสั่งซื้อและได้รับผลกระทบจากการปิดด่าน ไม่สามารถส่งสินค้าได้
สำหรับประเด็นที่ผู้ประกอบการกลุ่มต่าง ๆ ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือ แบ่งเป็น 5 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ 1.ช่วยเหลือทางภาษีต่าง ๆ เช่น ปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ปรับลดภาษีสรรพสามิต และปรับลดภาษีนำเข้า 2.ช่วยเหลือการเข้าถึงเงินทุนและเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนให้กับภาคธุรกิจ 3.เร่งแก้ไขปัญหาและอำนวยความสะดวกเอกสารการส่งออก เช่น กรณีวันหยุดยาวอยากให้มีการจัดเจ้าหน้าที่ไว้ที่หน่วยงานราชการเพื่อติดต่อขอแบบฟอร์ม เอกสารและขั้นตอนของบางหน่วยงานมีความยุ่งยากซับซ้อนในการส่งออก 4.ช่วยเหลือในเรื่องอื่นๆ เช่น ภาครัฐช่วยเหลือผู้ประกันตนมาตรา 33 ต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนเรื่องเงินประกันสังคมให้กับพนักงานของบริษัท และต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือการปรับลดค่าน้ำและค่าไฟ และ 5.ช่วยเหลือการขนส่ง เช่น ดำเนินการเจรจาต่อรองกับสายการเดินเรือเรื่องค่าระวางเรือที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย การลดอัตราค่าขนส่งทั้งการนำเข้าและส่งออก และสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับกับการเปิดสนามบินระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม หลายเรื่องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งในกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการไปแล้ว เช่น จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกช่วงวันหยุดยาว กำลังเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านแก้ไขปัญหาโลจิสติกส์ขนส่ง ส่วนหน่วยงานอื่นก็มีมาตรการด้านภาษีและการเงินออกมาแล้ว เป็นต้น หากมีการผ่อนปรนเพิ่มเติม น่าจะช่วยฟื้นฟูให้เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวเร็วขึ้นต่อไป .-สำนักข่าวไทย