สทนช.เร่งแผนจัดการทรัพยากรประมงลุ่มน้ำโขง

กรุงเทพฯ 20 ต.ค. – สทนช.ร่วมประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้อง รับฟังความคิดเห็นร่างกลยุทธ์ฯ บริหารจัดการทรัพยากรประมงลุ่มน้ำโขง เร่งหาข้อสรุปฝ่ายไทยเสนอต่อเวทีระดับภูมิภาค 31 ต.ค.นี้  หวังหาแนวทางปฏิบัติร่วม 4 ประเทศ มุ่งเป้าลดภาวะคุกคามสัตว์น้ำในแม่น้ำโขง


นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์ระดับลุ่มน้ำด้านการพัฒนาและจัดการประมง 5 ปี (2561-2565) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 และสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ได้จัดทำร่างแผนปฏิบัติงานขึ้น เพื่อนำยุทธศาสตร์ดังกล่าวไปสู่การใช้งาน พร้อมทั้งได้มีการจัดประชุมภายในแต่ละประเทศสมาชิก ได้แก่ สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม และไทย เพื่อหารือให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการจัดทำร่างแผนปฏิบัติงานของ MRC ซึ่งมีความสอดคล้องกับการจัดทำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)  ดังนั้น สทนช.ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย (TNMCS) 


นายสมเกียรติ กล่าวว่า สทนช.จึงได้มีการประชุมพิจารณาร่างกลยุทธ์การพัฒนาและการบริหารจัดการทรัพยากรประมงในลุ่มน้ำโขง เพื่อรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมประมง สำนักนโยบายและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมชลประทาน เป็นต้น ซึ่งสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS)  จะนำผลสรุปจากการประชุมครั้งนี้ปรับแก้เป็นร่างแผนปฏิบัติงานฉบับที่ 4 เพื่อนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาในเวทีการประชุมระดับภูมิภาควันที่ 31 ตุลาคมนี้ ก่อนแก้ไขและส่งให้คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงเห็นชอบเดือนพฤศจิกายน 2562 นำไปสู่การดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานโดยเร็ว ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนลุ่มน้ำโขงได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการประมงในลุ่มน้ำโขง มีการจัดการระบบนิเวศทางน้ำที่ดีมีการประมงที่ยั่งยืน มีชนิดปลาที่หลากหลาย เป็นต้น

ทั้งนี้  ที่ประชุมฝ่ายไทยได้นำเสนอและเน้นย้ำการดำเนินงาน 5 ประเด็นหลัก คือ 1.กิจกรรมตรวจวัดผลกระทบด้านประมง ตามที่ฝ่ายไทยได้แจ้งว่าการตรวจวัดเพิ่ม ซึ่งไทยดำเนินการเอง 2 จุด คือ จังหวัดบึงกาฬ และตอนบนของจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเป็นการสนับสนุนโครงการต่อเนื่องด้านประมงข้ามพรมแดนเชียงราย-บ่อแก้ว ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก MRC  2.เสนอให้มีกระบวนการและวิธีการปฏิบัติติดตามตรวจสอบประมงและสัตว์น้ำข้ามพรมแดนอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น 3.ให้มีการใช้งบประมาณจาก MRC ในการสนับสนุนการสร้างบุคคลการ และจ้างผู้เชี่ยวชาญในประเทศตลอดจนเพื่อสร้างความรู้ถ่ายทอดความรู้ในการตรวจสอบประมงและสัตว์น้ำข้ามพรมแดน 4. กิจกรรมการติดตามตรวจวัดควรดำเนินการทั้งกิจกรรมตรวจวัดปกติ ที่ประเทศสมาชิกทำอยู่แล้ว โดยขณะนี้อยู่ในช่วงถ่ายโอนภารกิจดังกล่าวให้ประเทศสมาชิกดำเนินการเองด้วยงบประมาณประจำปีของแต่ละประเทศ รวมถึงกิจกรรมตรวจวัดผลกระทบด้านประมงในกรณีการพัฒนาสิ่งก่อสร้างในลำน้ำ เช่น เขื่อน ควรให้ความสำคัญ ซึ่งยังดำเนินการโดย MRC จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนของประเทศในลุ่มน้ำโขง และ 5. การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่เป็นพันธุ์ท้องถิ่นในน้ำโขงเพื่อการปล่อยสู่แหล่งที่อาศัยในธรรมชาติในน้ำโขงโดยการจำกัดขอบเขตของพื้นที่ที่จะดำเนินการในระยะแรก 


นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังร่วมกันหารือเพื่อพิจารณาแนวทางด้านเทคนิคจากรายงานตัวชี้วัด MRC ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อแผนยุทธศาสตร์แม่น้ำโขงที่มีความครอบคลุม 5 มิติ คือ 1.ด้านสิ่งแวดล้อม 2.ด้านเศรษฐกิจ 3.ด้านสังคม 4. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ 5.ความร่วมมือ ซึ่งข้อมูลการติดตามตรวจวัดจากตัวแปรที่กำหนดภายใต้กรอบตัวชี้วัดจะต้องมีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน เนื่องจากทุก 5 ปี ข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ด้านงานจัดทำแผน ในรูปรายงานสถานการณ์ลุ่มน้ำ การกำหนดแผนพัฒนาลุ่มน้ำ และการทำแผนปฏิบัติการในประเทศ ดังนั้น ที่ประชุมจึงได้มีการพิจารณาขบวนการให้ได้มาซึ่งข้อมูลและการทำแผนปฏิบัติการ ตลอดจนข้อมูลปัจจุบันในส่วนที่ขาดของแต่ละมิติ เพื่อให้การทำงานของประเทศสมาชิกและ MRC มีความเข้าใจทิศทางเดียวกัน

“การบริหารจัดการลุ่มน้ำโขงถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นลุ่มน้ำที่มีความเกี่ยวพันกับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในหลายประเทศ สำหรับลุ่มน้ำโขงตอนล่างมีประเทศสมาชิกประกอบด้วย ไทย สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนามนั้น ได้มีการบูรณาการความร่วมมือในการบริหารจัดการที่ก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อลดผลกระทบและเพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกมิติ โดยฝ่ายไทยจะนำข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นและข้อสรุปที่ได้รับจากการประชุมปรึกษาหารือทั้ง 2 ประเด็น ไปเสนอเข้าสู่การพิจารณาในเวทีการประชุมระดับภูมิภาควันที่ 31 ตุลาคมนี้ ก่อนนำเสนอต่อคณะกรรมาธิการเพื่อเห็นชอบเดือนพฤศจิกายน 2562” เลขาธิการ สทนช. กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เอกภพ” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับ

“เอกภพ สายไหมต้องรอด” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับปมพยานเท็จดิไอคอน ยันบริสุทธิ์ใจ หากช่วยเหลือประชาชนแล้วโดนจับก็พร้อมรับ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบนายกฯ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบ “แพทองธาร” นายกฯ ชื่นชมเป็นคนเก่ง-มองโลกบวก เป็นหน้าตาของประเทศ นำเสนอวัฒนธรรม-ซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการประกวด พร้อมชวนร่วมงานรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจเด็กๆ ขณะที่ นายกฯ เขินถูกชมว่าตัวจริงสวย

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่