กรุงเทพฯ 6 ต.ค. – ราคาน้ำมันต่ำ ลอยตัวเอ็นจีวี กดดันใช้ดิ่งปีนี้เหลือ 5 พันตัน/วัน ปตท.ปรับแผนร่วมมือเอกชนใช้ปั๊มเอ็นจีวีขายโรงงานแทนการขายให้รถยนต์
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า ยอดใช้เอ็นจีวีและจำนวนปั๊มที่ลดลงก็เป็นไปตามทิศทางราคาพลังงาน เมื่อราคาน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ราคาเอ็นจีวีขยับขึ้นแต่ยังไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ผู้ใช้ก็จะเลือกว่าเติมเชื้อเพลิงประเภทใดดีที่สุด โดยในส่วนของก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยนั้นลดลง ไทยจำเป็นต้องนำเข้าแอลเอ็นจี การปล่อยราคาสะท้อนต้นทุนจึงเป็นกลไกที่เหมาะสม
นายศักดิ์เฉลิม สิทธิวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ยอดขายเอ็นจีวีอยู่ที่ 5,300 ตัน/วัน คาดว่าปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 5,000 ตัน/วัน ลดลงจากอดีตที่อุดหนุนราคาสูงมากประกอบกับราคาน้ำมันดิบแพงกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลยอดขายสูงถึง 8,800 ตัน/วัน
ทั้งนี้ ประเมินว่าแนวโน้มยอดขายเอ็นจีวีจะลดลงมาอยู่ระดับต่ำสุด 3,600 ตัน/วันในอีก 4-5 ปี จำนวนสถานีบริการเอ็นจีวีลดลงจากเดิมที่มีประมาณ 500 แห่ง เหลือ 450 แห่งในปัจจุบันและมีแนวโน้มจะลดลงอีก ขณะนี้ ปตท.ได้มีการปิดสถานีจ่ายก๊าซหลัก (Mother Station) ไป 3 สถานีจากทั้งหมด 15 สถานี เพื่อใช้เป็นสถานีสำรอง ขณะเดียวกันมีแผนจะเปิดให้เอกชนเข้าใช้บริการสถานีจ่ายก๊าซหลักดังกล่าว เพื่อทำตลาดก๊าซเอ็นจีวีป้อนให้โรงงานอุตสาหกรรม พบว่ามีเอกชนให้ความสนใจและอยู่ระหว่างเจรจา โดยโรงงานสนใจ เพื่อใช้ก๊าซไปทดแทนเชื้อเพลิงเดิม เช่น น้ำมัน ซึ่งการเป็นเชื้อเพลิงสะอาดจะช่วยลดมลพิษและลดฝุ่นละอองต่าง ๆ ได้ด้วย
สำหรับราคาจำหน่ายเอ็นจีวี อยู่ที่ 15.49 บาท/กิโลกรัม และราคาดีเซลลิตรละ 25.69 บาท ซึ่งราคาขายก๊าซเอ็นจีวีเป็นระดับราคาที่ยังไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ราคาตุ้นทุนสูงกว่า 1 บาท/กก. ขณะที่ ปตท.มีภาระอุดหนุนรถยนต์สาธารณะ ทำให้ ปตท.ต้องแบกภาระปีละ 2,000-3,000 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย