BIG STORY : เตรียมเสนอ ก.ต. พิจารณากรณีผู้พิพากษายิงตัวเอง 7 ต.ค.นี้

ยะลา 5 ต.ค.- กรณีผู้พิพากษายิงตัวเองอาการสาหัส ล่าสุดออกจากห้องไอซียูแล้ว แต่ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ขณะที่โฆษกศาลยุติธรรม เตรียมเสนอข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการตุลาการศาล 7 ต.ค.นี้ 


หลังนายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาจังหวัดยะลา ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองภายในห้องพิจารณาคดี บัลลังก์ 4 ชั้น 2 ศาลจ.ยะลา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวานนี้(4ต.ค.62) วันนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ พร้อมด้วยแกนนำพรรค เข้าเยี่ยมนายคณากร ที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลศูนย์ยะลา พร้อมเปิดเผยอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว รู้สึกตัว โต้ตอบได้เล็กน้อย เบื้องต้นได้ให้กำลังใจ นายคณากร ให้มีกำลังใจที่ดี อย่าไปคิดมาก ขอให้ลืมเหตุการณ์ที่ผ่านมา และมุ่งมั่นดูแลความยุติธรรมให้ประชาชนต่อไป สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นตัวอย่างที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก กระบวนการยุติธรรม ต้องอิสระ ยุติธรรม ปราศจากการแทรกแซง ซึ่งคิดว่าคำร้องของนายคณากร ที่ยื่นผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานรัฐสภา คงจะทำให้คณะกรรมการกระบวนการยุติธรรม องกรค์อิสระและสิทธิมนุษยชน นำไปพิจารณาต่อไป


จากนั้นช่วงบ่าย แพทย์ได้ย้าย นายคณากร จากห้องไอซียูมาพักฟื้นที่ห้องพิเศษชั้น 2 ตึกพิเศษยี่เกียว มีครอบครัว โดยเฉพาะภรรยาและลูกสาว คอยเฝ้าดูแลอาการอย่างใกล้ชิด ขณะที่ด้านนอกห้องพัก มีเจ้าหน้าที่จากศาล จ.ยะลา คอยดูแลความปลอดภัยบริเวณหน้าห้องผู้ป่วยและไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปเข้าเยี่ยม  

ด้านนายอนิรุจ ใจเที่ยง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล จ.ยะลา เดินทางเยี่ยมอาการ ใช้เวลาราว 20 นาที แต่ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เกิดขึ้น บอกเพียงสั้นๆ ว่า ขณะนี้อาการปลอดภัยดีแล้ว ส่วนรายละเอียดต่างๆ ให้เป็นไปตามขั้นตอน


นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม เตรียมลงพื้นที่ไปเยี่ยม นายคณากร ในวันพรุ่งนี้ พร้อมเปิดเผยว่า ได้รับรายงานเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ดังกล่าว จากนายเพิ่มศักดิ์ สายสีทอง อธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค 9 และ นายอนิรุธ ใจเที่ยง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดยะลาแล้ว โดยเตรียมเสนอข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการตุลาการศาล หรือ ก.ต. ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ เรื่องที่อ้างมีการแทรกแซงคดีจนเป็นสาเหตุกดดัน นายสราวุธ ชี้คำพิพากษาถือเป็นความลับไม่สามารถเปิดเผยก่อนการอ่านคำพิพากษาได้ ไม่เช่นนั้นจะรู้ผลล่วงหน้าและเป็นวิธีปฏิบัติของศาลที่จะปรึกษาหารือกันได้  ซึ่งในกระบวนการทำงานคดีที่มีโทษสูง คดีสำคัญ กฎหมายพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 11 (1) ให้อำนาจอธิบดีนั่งพิจารณาและพิพากษาคดีใดๆ ของศาลนั้น หรือเมื่อได้ตรวจสำนวนคดีใดแล้วมีอำนาจทำความเห็นแย้งได้ และสามารถให้คำแนะนำแก่ผู้พิพากษาในศาลนั้นในข้อขัดข้องเนื่องในการปฏิบัติหน้าของผู้พิพากษา แต่อธิบดีไม่สามารถไปก้าวก่ายการตัดสินของผู้พิพากษาได้ ไม่สามารถแทรกแซงการทำงานได้ เพราะหากผู้พิพากษาไม่เห็นตามนั้น ก็สามารถยืนยันความเห็นของตนเองได้ พร้อมย้ำผู้พิพากษามีความเป็นอิสระปราศจากการแทรกแซงแน่นอน

ขณะที่นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึง กรณีสื่อมวลชนเผยแพร่นายเพิ่มศักดิ์ สายสีทอง อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวใช้ชื่อว่า “เพิ่มศักดิ์ สายสีทอง อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9” ทำนองออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงและจะมีการไลฟ์ กรณีนายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา ยิงตัวเองในห้องพิจารณาคดีนั้น ตนได้รับการประสานข้อมูลจาก นายเพิ่มศักดิ์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 ว่าถ้อยคำดังกล่าวไม่เป็นความจริงเนื่องจาก นายเพิ่มศักดิ์ ไม่เคยชี้แจงในลักษณะดังกล่าวลงในสื่อโซเชียล เฟซบุ๊กดังกล่าวจึงไม่ใช่ของนายเพิ่มศักดิ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค 9 แต่อย่างใด ตรวจสอบล่าสุด พบว่าเพจดังกล่าวได้ปิดบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กไปแล้ว

ส่วนในเฟซบุ๊กของ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักคดีอาญาธนบุรี ได้แสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า “อย่ารีบวิจารณ์​สิ่งที่เห็น​ เ​พราะอาจเป็นภาพลวงตา​ หลายครั้งที่โอละพ่อ” และอธิบายเพิ่มเติมว่า ….อยากให้นักกฎหมายทั้งหลายอ่านคำพิพากษาทัั้งหมด อย่าอ่านเพียงหน้าสองหน้า “คำพิพากษา” ที่ลงกันนั้น กล่าวถึง “อธิบดี” และท่านแทนตัวเองว่า “ผม” และช่วยพิจารณาว่า สิ่งที่ท่านเขียนนั้นเป็น “คำพิพากษา” ตามประมวลฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186, 183 หรือไม่ องค์คณะครบตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 26 หรือไม่

การวิจารณ์หรือการแชร์และให้ความเห็นดังกล่าวทั้งหลาย ควรให้ผู้ที่ปรากฏในคำพิพากษาได้มีโอกาสชี้แจงก่อน เพราะเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนต่อองค์กรตุลาการและความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศได้ง่าย เรามาช่วยกันรักษากระบวนการยุติธรรมทั้งระบบดีกว่า

 

เบื้องต้นเชื่อ นายคณากร  คงอึดอัดกับการปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่น่าจะเกี่ยวกับค่าตอบแทนเพราะงานยุติธรรมเงินเดือนสูงกว่าข้าราชการอื่น ทั้งนี้ได้อ่านคำแถลงการณ์ของคดีทั้ง 25 หน้าแล้ว จึงตั้งข้อสังเกต เรื่องปกติมันมีระบบทำความเห็นแย้ง ถ้าผู้บังคับบัญชาไม่เห็นด้วยก็มีอำนาจทำความเห็นแย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 183  พร้อมยืนยัน ตนรับราชการอัยการมาตั้งแต่ 1 ก.ค. 2526 ไม่เคยมีใคร หรือแม้แต่อัยการสูงสุดมาสั่งให้ตนสั่งคดี และตั้งแต่ตนเป็นผู้บังคับบัญชาก็ไม่เคยสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสั่งคดีตามที่ตนต้องการ เพราะมีความเป็นอิสระในการสั่งคดี ถ้าไม่เป็น เราก็สั่งทับความเห็นเขาตามระเบียบ และเราต้องรับผิดชอบในคำสั่งของเรา

ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ยืนยัน นายคณากร ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ยอมรับเคยส่งข้อความมาทางเฟซบุ๊กของพรรค ขอเข้าพบและบอกข้อมูลต่อประเด็นการแทรกแซงการทำคำพิพากษาของคณะผู้พิพากษา แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบ ไม่เคยได้นัดกับนายคณากร จนมาเหตุขึ้น ขอเรียกร้องให้สังคมให้ความเป็นธรรมกับ นายคณากร และยุติการนำประเด็นนี้มาเชื่อมโยงกับพรรคอนาคตใหม่ พร้อมเสนอให้นำเรื่องนี้มาพิจารณา เพื่อหาความสมดุลและหลักประกันของคำพิพากษาที่ไม่ถูกแทรกแซง ขณะเดียวกันยังคงมาตรฐานของการทำหน้าที่ของผู้บริหารในองค์กรตุลาการด้วย.-สำนักข่าวไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คดียิง 5 ศพบันนังสตา มูลเหตุผู้พิพากษาศาลยะลายิงตัวเอง

เปิดขั้นตอน “ตรวจ (ร่าง) คำพิพากษา”

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย