กรุงเทพฯ 4 ต.ค.- รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน ผู้เสียหายถูกเสี่ยกำมะลอหลอก สามารถเข้าแจ้งความดำเนินคดีได้ แม้จะหมดอายุความ เพื่อรวมกับคดีรายล่าสุด ไม่หวั่นหากคดีเชื่อมโยงถึงนักการเมือง
พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ขณะนี้ ยังไม่มีผู้เสียหายรายใด แจ้งความดำเนินคดีกับ นายท็อป ชายที่อ้างว่า เป็นนักธุรกิจด้านการเงิน รวยหมื่นล้านบาทโดยเฉพาะ หญิงสาวผู้เสียหายรายล่าสุดที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งถูกหลอกให้แต่งงานจดทะเบียนสมรส จัดงานที่โรงแรมหรู ก่อนจะเลิกรากัน และทิ้งหนี้สินค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานไว้กว่า 3.5 ล้านบาท ทำให้ตามกฎหมาย ยังไม่สามารถดำเนินคดีกับนายท็อปได้ แม้เบื้องต้น นายท็อป จะมีความผิดฐานเข้าข่ายฉ้อโกง ดังนั้น ตัวผู้เสียหาย ต้องรีบเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจโดยเร็ว เพราะเป็นคดีที่มีอายุความ 3 เดือน นับตั้งแต่ทราบว่าถูกหลอก เพราะหากไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์ตามกรอบเวลานี้ จะทำให้ผู้เสียหายเสียประโยชน์ได้
ส่วนผู้เสียหายรายอื่น ที่ขาดอายุความ ก็สามารถเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ เพื่อนำหลักฐานไปรวบรวมในสำนวนคดีล่าสุดได้ โดยยังไม่ถึงขั้นรวมเป็นสำนวนคดีเดียวกัน เพื่อให้กองปราบปรามดำเนินการ
ส่วนนายท็อป จะมีความสัมพันธ์กับนักการเมืองหรือไม่ ขอผู้เสียหายไม่ต้องกังวล ยืนยันตำรวจจะพิจารณาไปตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงทุกอย่าง
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายท็อป ตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค ว่า จากการตรวจสอบ มีคดีเกิดขึ้นจริง ในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลโคกคราม และ สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ เมื่อปี 2557 และ 2558 แต่นายท็อปถูกดำเนินคดีไปแล้ว 1 คดี และอีก 1 คดี มีการถอนคำร้องทุกข์ไป จึงถือว่า คดีสิ้นสุดแล้ว และเป็นคนละส่วนกับความผิดที่จังหวัดบุรีรัมย์ .-สำนักข่าวไทย