“สมคิด” คาดอันดับความสะดวกทำธุรกิจไทยปีนี้ดีขึ้น

ก.คลัง 19 ก.ย. – รองนายกรัฐมนตรีพอใจการแก้อุปสรรคอำนวยความสะดวกธุรกิจ  ธนาคารโลกเตรีมประกาศอันดับ ต.ค.62 รมว.คลังลุ้นขยับโอกาสสูงขึ้นอันดับ 25 จากปัจจุบันอันดับ 27 ของโลก ยอมรับเป็นแม่เหล็กดึงต่างชาติย้ายฐานเข้าลงทุนไทย 

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี  ประชุมคณะกรรมการ Doing Business หลังจากรับทราบการรายงานผลการแก้ปัญหาหลายด้าน เพื่ออำนวยความสะดวกทางธุรกิจ  คาดว่าจะได้รับคะแนนดีขึ้น  จึงสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนต่างประเทศ และรัฐบาลต้องใช้โอกาสในช่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สร้างความเข้มแข็งภายใน ส่วนกรณีเงินบาทแข็งค่านับว่าสะท้อนภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะดูแลให้สอดคล้องกับตลาดอย่างไร แต่มองว่าอัตราดอกเบี้ยขณะนี้ไม่ใช่เครื่องมือหลักดูแลเศรษฐกิจ 

ทั้งนี้ ที่ประชุมรับทราบทีมวิจัยธนาคารโลกได้จัดทำข้อมูลของประเทศไทยช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รับทราบผลการเร่งรัดให้ทุกหน่วยงานปรับปรุงการอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ เช่น ลดระยะเวลาการขอใช้ไฟฟ้าเหลือเพียง 1 วัน เมื่อวางระบบสายส่งในประเทศพร้อม ทำให้ต้นทุนการใช้ขอใช้ไฟฟ้าจากเดิมประมาณ 77,500 บาท ปัจจุบันไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งเป็นไฮไลสำคัญที่จะได้คะแนนสูงขึ้น 

รวมทั้งการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน การยกเลิกระบบสำเนาเอกสารขออนุญาตผ่านการเชื่อมโยงข้อมูล BIGDATA  จากเดิมต้องใช้เอกสารกระดาษกว่า 60 ล้านแผ่นต่อปี ขณะนี้ไม่ต้องใช้เอกสารหลายหน่วยงาน รวมทั้งบริการทางภาษีออนไลน์ให้ภาคธุรกิจ ปรับปรุงแบบแสดงรายการเสียภาษีของนิติบุคคล พัฒนาระบบคืนภาษีนิติบุคคลสำหรับคืน VAT ภายใน 90 วัน พัฒนาระบบให้นายจ้างส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ 8.68 ล้านคน จากผู้ประกันตน 11.46 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 75.77  การเร่งรัดพัฒนาระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ของศุลกากร เพื่อลดขั้นตอนการตรวจปล่อยสินค้าด้วยการส่งข้อมูลทางออนไลน์มาให้ตรวจสอบสินค้าก่อนเรือเข้าเทียบท่า และการจดทะเบียนทรัพย์สินของกรมที่ดิน และกรมโยธา เมื่อเชื่อมโยงข้อมูลกันมากขึ้น 

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารโลกเข้ามาจัดเก็บข้อมูลในไทยแล้ววันที่ 30 ตุลาคมจะประกาศอันดับอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ จากปัจจุบันไทยติดอันดับ 27 ของโลก คาดว่าอันดับอาจสูงขึ้น และน่าลุ้นอันดับ 25 แต่ต้องรอดูประเทศอื่นจะขยับขึ้นอย่างไรบ้าง เพราะขณะนี้สิงคโปร์ครองอันดับ 1 ของโลก มาเลเซียอันดับ 2 ของอาเซียน ไทยอันดับ 3 ของอาเซียน ขณะนี้ไทยได้แก้ไขหลายด้านมีความคืบหน้าไปมาก จากเดิมรายงานธนาคารโลกว่าเป็นการนำร่องสำหรับการแก้ไขบางด้าน  แต่ขณะนี้หลายโครงการแก้ไขได้ทุกหน่วยงาน และหากอันดับไทยขยับขึ้นส่งผลดีต่อการดึงต่างชาติเข้ามาลงทุนย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทย.-สำนักข่าวไทย