กทม.15 ก.ย.-เวทีเสวนา ‘ไหว้เจ้า ไหว้พระจันทร์ วิถีชุมชนจีนเจริญกรุงเยาวราช’ หวังเห็นเสน่ห์ของชุมชนกลับมาอีกครั้ง บนพื้นฐานประเพณีดั้งเดิม ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง แต่คงอัตลักษณ์เฉพาะไว้
ค่ำคืนวันไหว้พระจันทร์ 13 กันยายน 2562 ประชาชนจำนวนมาก เดินทางไปชื่นชมความงดงามและเรียนรู้ เรื่องราววิถีวัฒนธรรมชาวจีน ในย่านเก่าเล่าเรื่อง เจริญกรุง เยาวราช เนื่องในงาน ‘ดูโคม ชมจันทร์ สร้างสรรค์งานศิลป์’ กิจกรรมที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับ 3 ชุมชนย่านเยาวราช-เจริญกรุง จัดขึ้น ภายใต้โครงการวิจัย “การพัฒนาเมืองวัฒนธรรมอัจฉริยะ : กรณีศึกษาย่านเยาวราช-เจริญกรุง” ระหว่างวันที่ 13–22 กันยายน 2562 ณ ชุมชนเจริญไชย และห้างหุ้นส่วนจํากัด เอี๊ยะเซ้ง กงษี ร้านโชห่วยเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี
ผศ.ชัยชาญ ถาวรเวช อธิการบดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เปิดงานพร้อมกล่าวว่า ภาคภูมิใจในการทำงานร่วมกันระหว่างชุมชนกับนักวิจัยเพื่อเพิ่มศักยภาพของพื้นที่ย่านเยาวราชอันนำไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์จากต้นทุนทางวัฒนธรรม โดยจะเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม อัตลักษณ์และความหมายของพื้นที่ให้อยู่ได้ในสภาวะปัจจุบัน
ภายในงานได้เปิดเวทีเสวนา เรื่อง “ไหว้เจ้า ไหว้พระจันทร์ วิถีชุมชนจีนเจริญกรุงเยาวราช” โดยมีผู้อยู่อาศัยในพื้นที่และนักวิจัยมาบอกเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองต่างๆ ที่น่าสนใจ นายวุฒิชัย อารักษ์โพชฌงค์ จากคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมจีนและศาลเจ้า ชี้ให้เห็นความสำคัญของชาวเยาวราชในการเป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมทรงคุณค่าในทุกๆด้าน โดยจากงานวิจัย พบว่า ศาลเจ้าในประเทศไทยมี 20,000 แห่ง แต่อยู่ที่เยาวราชถึง 50 แห่ง และในศาลเจ้าเป็นที่รวบรวมอัตลักษณ์ของคนไทยเชื้อสายจีนสะท้อนผ่านทั้งประเพณี ครอบครัว วัฒนธรรม ความเชื่อ ความผูกพันกับเทพเจ้าจีนของคนจีนโพ้นทะเลยุคบุกเบิก โดยหวังจะเห็นเสน่ห์ของชุมชนเยาวราชกลับมาอีกครั้งบนพื้นฐานประเพณีดั้งเดิม ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง แต่คงอัตลักษณ์เฉพาะไว้
นายบดินทร์ เดชะวัฒนไพศาล ทายาทรุ่นที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอี๊ยะเซ้ง กงษี หวังอยากให้คนรุ่นใหม่ภาคภูมิใจกับเยาวราช และเข้าใจลึกซึ้งถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในตึก อาคาร ศาลเจ้าที่คนมักมาเดินถ่ายรูปเชิงท่องเที่ยว แต่จริงๆแล้วภายใต้ตึกเก่าแก่มีต้นทุนวัฒนธรรมซ่อนอยู่ กรณีตึกเอ๊ยะเซ้งสร้างแล้วเสร็จปีพ.ศ.2477 โดยต้นตระกูลคือนายบักเกว้ง แซ่เตีย ที่อพยพจากมณฑลกวางตุ้ง เข้ามาเช่าตึกเพื่อมาค้าขายแต่จนปัจจุบันไม่เคยเปลี่ยนแปลงตึก แม้กระทั่งบานประตูสีเขียวเก่าแก่ที่เป็นสัญลักษณ์ของร้าน ทุกมุมของอาคารสะท้อนความเชื่อของชาวจีนตามหลักฮวงจุ้ยเพื่อให้การค้ารุ่งเรือง อาคารเป็นทรงสำเภาจีนทอดยาวสะท้อนถึงการไม่หยุดนิ่ง พื้นสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดไม่เท่ากัน ในยุคโบราณเชื่อกันว่าเป็นการไหลเวียนของเงินตราตามหลักเรือสำเภา เหมือนเงินไหลวนแบบเรือ เสาคานจะไม่มีเหลี่ยม เนื่องจากเชื่อว่าดาบคมจะสร้างความเจ็บป่วย ครอบครัววิวาทกัน วิถีวัฒนธรรมจีน เทพเจ้าในวัดจีนล้วนเป็นต้นทุนวัฒนธรรม หากหายไปอาจจะไม่สามารถกลับมาได้อีก
ขณะที่นางสุวรรณา คงศักดิ์ไพศาล บริษัท ชุมชนเลื่อนฤทธิ์ จำกัด แสดงความดีใจที่เห็นบรรยากาศเก่าๆกลับมาสู่เยาวราช โดยเฉพาะโคมโบราณที่สมัยเด็กเด็ก ๆ จะวิ่งตามดูโคมรูปกระต่ายสีสันต่างๆซึ่งไม่รู้ว่าหายไปจากชุมชนเมื่อใด เทศกาลไหว้พระจันทร์สำหรับชาวเยาวราชเป็นเสมือนวันแห่งความรักของชาวไทยเชื้อสายจีน ในอดีตคนในครอบครัวจะมารวมตัวกันและตั้งโต๊ะไหว้เจ้าขนาดใหญ่แตกต่างจากปัจจุบันที่ตั้โต๊ะเล็กๆหน้าบ้านตัวเอง ใช้เทียนขนาดใหญ่จุดทั้งคืนตั้งแต่ 20.00-23.00 น.ส่วนของไหว้สะท้อนรายละเอียดของความรัก อาทิ ดอกไม้ โคมไฟ ขนมหวาน ซุ้มต้นอ้อย ของเจ ผลไม้ เครื่องสำอางและของหอม เป็นต้น สำหรับขนมไหว้พระจันทร์นั้น ในชุมชนสมัยก่อนทำขนมไหว้พระจันทร์เอง ด้วยการซื้อถั่วมาอบ และบดด้วยพิมพ์ไม้เก่าแก่ ลูกหลานจะมาช่วยกันทำขนมเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นและสนุกสนาน
ภายหลังการแสวนาผู้เข้าร่วมเสวนาได้เดินชมพิธีไหว้พระจันทร์วิถีชุมชนจีนเจริญกรุง-เยาวราช ตามเส้นทาง-ชมโคม ชมความงดงามของซุ้มไหว้พระจันทร์ บริเวณชุมชนเจริญไชยพร้อมรับการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ชุมชนอย่างเต็มอิ่ม
นอกจากนี้ที่ร้านเอี๊ยะเซ้ง กงษี ถนนเจริญกรุง ยังได้จัดนิทรรศการแสดงผลงานของคณะอาจารย์และนักศึกษาภาควิชาต่างๆภายใต้โครงการวิจัยการพัฒนาเมืองวัฒนธรรมอัจฉริยะ กรณีศึกษาย่านเยาวราช–เจริญกรุง โดยแบ่งเป็น 4 ห้องนิทรรศการ อาทิ ผลงานผังเมืองทางสถาปัตยกรรมย่านไชน่าทาวน์เยาวราช- เจริญกรุง, ผลงานทางโบราณคดีในย่านชุมชนชาวจีน, เครื่องประดับเงิน โคมไฟไหว้พระจันทร์ ซึ่งแสดงออกถึงความสัมพันธ์ของชาวไทยเชื้อสายจีนที่อาศัยในละแวกดังกล่าว รวมถึงการจัดแสดงผลงานภาพเคลื่อนไหว เป็นต้น โดยนิทรรศการดังกล่าวจะจัดต่อเนื่องตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 22 ก.ย.62 ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น.ทุกวัน (ยกเว้นวันอาทิตย์) ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย .-สำนักข่าวไทย