กรุงเทพ ฯ 22 ส.ค. – ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดคาดการณ์จีดีพีปี 2562 ลงมาที่ร้อยละ 3 และคาด ธปท.ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ในการประชุม กนง.เดือนกันยายน
นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยลงมาที่ร้อยละ 3 จากร้อยละ 3.3 เนื่องจากเศรษฐกิจของไทยในครึ่งปีแรกเติบโตต่ำกว่าที่ประเมินไว้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณจะใช้มาตรการเพื่อดูแลเรื่องหนี้สินครัวเรือน ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการบริโภคภายในประเทศ โดยยอดขายรถยนต์น่าจะได้รับผลกระทบ ประกอบกับ ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 น่าจะล่าช้าออกไปเป็นเดือนมกราคมปีหน้าจากเดิมน่าจะเริ่มต้นเดือนตุลาคมปีนี้ สองปัจจัยนี้อาจจะเป็นปัจจัยด้านลบต่อเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี
นอกจากนี้ สงครามการค้าสหรัฐ-จีนยังคงส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกและการลงทุน ดังนั้น ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดจึงปรับลดคาดการณ์จีดีพีของไทยปี 2563 ลงมาที่ร้อยละ 3.5 จากเดิมร้อยละ 4 และในปี 2564 จะอยู่ที่ร้อยละ 4 จากเดิมร้อยละ 4.5 เพื่อสะท้อนภาพปัจจัยที่ต้องจับตามอง
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดว่า ธปท.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือนกันยายนร้อยละ 0.25 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั่วโลกมีทิศทางผ่อนคลายมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งสัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดังนั้น ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดจึงได้ปรับประมาณการอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปี 2562 ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.25 จากเดิมเคยคาดไว้ที่ร้อยละ 1.50 โดยธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดว่า ธปท.จะคงดอกเบี้ยนโยบายปี 2563 และ 2564
“แม้ว่าปรับลดประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยปี 2562 แต่ยังคาดว่าในครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.น่าจะเป็นสัญญาณช่วยที่ดี ประกอบกับการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งเป็นนโยบายการคลังที่น่าจะส่งผลให้เห็นภาพเศรษฐกิจดีขึ้นตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 นอกจากนี้ ฐานการส่งออกและการท่องเที่ยวที่อยู่ในระดับต่ำปีก่อนน่าจะทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสนี้ดีขึ้น” นายทิม กล่าว.-สำนักข่าวไทย