กระทรวงการคลัง 9 ส.ค. – กระทรวงการคลัง พร้อมนำกองทุนวายุภักษ์ เพิ่มทุน 1.5 หมื่นล้านบาท หลังควบรวมสองธนาคารใหญ่
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การควบรวมธนาคารทหารไทยและธนาคารธนชาต ทำให้ขนาดของธนาคารขยับขึ้นเป็นอันดับ 6 ของประเทศ มีทรัพย์สิน 2 ล้านล้านบาท ส่งผลดีต่อกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นหลัก แม้ว่าสัดส่วนการถือหุ้นน้อยลง แต่ผลตอบแทนมากขึ้น จึงเตรียมเพิ่มทุนของกระทรวงการคลัง โดยให้กองทุนวายุภักษ์เข้าไปซื้อหุ้นธนาคารธนชาต 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ธนชาตกลับมาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของธนาคารทหารไทย
ทั้งนี้ การควบรวมยังใช้ชื่อ ธนาคารทหารไทยธนชาตเหมือนเดิม ไอเอ็นจี ถือหุ้น 21% ธนชาต 20% กระทรวงการคลัง 18% โดยมีเงื่อนไขว่า กระทรวงการคลังเป็นผู้มีอำนาจในการแต่งตั้งประธานกรรมการธนาคาร โดยหลังการควบรวมครั้งนี้ เชื่อว่าทำให้การบริหารของธนาคารมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นการรวมจุดแข็งของ 2 แบงก์ใหญ่เข้าด้วยกัน โดยธนชาตมีความเชี่ยวชาญด้านเช่าซื้อ ส่วนธนาคารทหารไทยเชี่ยวชาญด้านสินเชื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
นายอุตตม กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการดูแลเสถียรภาพวินัยการเงินการคลังของประเทศ ว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้หารือในเบื้องต้นแล้วว่ามีความจำเป็น เพราะระบบการเงินของประเทศมีความเชื่อมโยงกันหมด ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ การลงทุนโดยตรง ดังนั้นการดูแลเสถียรภาพในระดับประเทศจึงต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หากต่างคนต่างดู ทำให้ไม่เกิดความเชื่อมโยง และไม่มีประสิทธิภาพ เช่น ธปท. ดูนโยบายการเงิน สำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ดูตลาดทุน คลังดูเรื่องการคลัง ไม่มีกลไกเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันจะบริหารลำบาก
สำหรับรูปแบบคณะกรรมการกำลังศึกษาอยู่ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าใครจะเป็นประธาน และหน่วยงานที่เข้ามาร่วม จะมี คลัง ธปท. ก.ล.ต. สศช. และอาจจะมีภาคเอกชนเข้ามาร่วมด้วย โดยรูปแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ยุโรปก็มี จึงไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่แต่งตั้งเข้ามาเพื่อแทรกแซงการทำงานของ ธปท. เพราะว่าอำนาจของแต่ละหน่วยงานยังมีเหมือนเดิม คณะกรรมการชุดนี้ ต้องดูแลเสถียรภาพการเงินการคลังของประเทศในภาพรวม จะต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ปรึกษากันว่าควรดำเนินการอย่างไร
ขณะนี้ สศค. อยู่ระหว่างการศึกษา โดยที่ผ่านมาหารือกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ว่าจะปรับปรุงอย่างไรให้ตรงกับวัตถุประสงค์การลงทุนมากขึ้น แต่ยังไม่ฟันธงว่าจะยกเลิกกองทุนแอลทีเอฟ ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะเป็นรูปแบบเดิม หรือจะเปลี่ยนเป็นกองทุนหุ้นยั่งยืน แต่ก็ยอมรับว่ามีความน่าสนใจ . – สำนักข่าวไทย