fbpx

เกษตรฯ เปิด 2 นโยบายหลัก

กรุงเทพฯ 2 ส.ค. – รมว.เกษตรฯ เผย 2 นโยบายหลัก ชู “การตลาดนำการเกษตร” มุ่งขยายส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและสินค้าทางการเกษตรแปรรูป และน้อมนำ “ศาสตร์พระราชา” ส่งเสริมเกษตรกร กำชับข้าราชการบูรณาการทำงานทั้งในกระทรวงและหน่วยงานภายนอก สู่เป้าหมายพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่เกษตรกรอย่างยั่งยืน


นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์พิเศษผู้สื่อข่าว “สำนักข่าวไทย” ถึงนโยบายหลักของกระทรวงเกษตรฯ เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า เตรียมแถลงนโยบายหลัก 2 ประการให้ข้าราชการทุกหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาครับทราบ โดยเป็นนโยบายที่วางไว้ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภา จึงถือว่ารัฐมนตรีมีอำนาจในการบริหารงานโดยสมบูรณ์ จึงจะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ

สำหรับนโยบายแรก คือ “การตลาดนำการเกษตร” ซึ่งเกิดจากการศึกษาพบว่าปัจจุบันสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประกอบด้วย สงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ประเทศผู้นำเข้าสินค้าเกษตรจากไทยโดยเฉพาะสหภาพยุโรป (อียู) กำหนดนโยบายและกฎระเบียบทางการค้าใหม่ ทั้งหมดเป็นความท้าทายสำหรับการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทยในตลาดโลกที่กระทรวงเกษตรฯ ต้องรับสถานการณ์ให้ทัน เพื่อรักษาฐานการตลาดเดิมและสร้างตลาดใหม่เพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาการส่งออกสินค้าการเกษตรสร้างรายได้แก่ประเทศอย่างมหาศาล หากศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลกลดลงจะส่งกระทบต่อภาคการเกษตรของไทยอย่างแน่นอน


 นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า นโยบายการตลาดนำการเกษตรสอดคล้องกับนโยบายหลัก 12 ด้านที่รัฐบาลแถลงไว้และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะนำมากำหนดแผนดำเนินงานของกระทรวงเกษตรฯ เพื่อให้ข้าราชการทุกหน่วยงานปฏิบัติเป็นหนึ่งเดียวกัน นอกเหนือจากสินค้าเกษตรที่ส่งออกปัจจุบันแล้ว ยังมีช่องทางเปิดตลาดสินค้าเกษตรใหม่ ๆ เช่น ขมิ้นสด สหรัฐต้องการนำเข้าเกือบ 10,000 ตันต่อปี 240 ตันต่อปีเพื่อใช้บริโภคและผลิตยา แต่ปัจจุบันไทยส่งออกไปสหรัฐเพียง 60 ตันต่อปีเท่านั้น จึงเป็นพืชทางเลือกให้เกษตรกรไทยในอนาคตได้ ส่วนจีนต้องการสินค้าประมงโดยเฉพาะกุ้งต้มสุกแช่แข็ง รวมถึงมะพร้าวน้ำหอมและสับปะรดภูแล สำหรับออสเตรเลียต้องการนำเข้าเป็ดปรุงสุก ตลอดจนแสวงหาตลาดใหม่ในเขตสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EEU) ซึ่งมีสมาชิก 5 ประเทศ คือ รัสเซีย เบลารุส อาร์เมเนีย คีร์กิซสถาน และ คาซัคสถาน จากนี้ไปการขยายตลาดสินค้าเกษตรในเวทีโลกไม่สามารถแข่งขันกันด้วยปริมาณการค้าในรูปแบบเดิมได้แล้ว แต่ต้องเพิ่มความสามารถในการแข่งขันโดยการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับนโยบายหลักของรัฐบาลที่ระบุว่าต้องมุ่งเน้นความร่วมมือการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อรองรับความผันผวนเศรษฐกิจโลก โดยมุ่งขยายการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไทยอย่างยั่งยืนและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในด้านต่าง ๆ 

“เมื่อทราบความต้องการของตลาดโลก จึงนำมาวางแผนให้เกษตรกรผลิต ทำให้เกษตรกรลดความเสี่ยงจากปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำต่อเนื่อง เพราะมีตลาดรองรับแน่นอน นอกจากนี้ ยังกำชับให้เร่งสร้างการรับรู้ถึงคุณภาพสินค้าเกษตรไทยต่อตลาดต่างประเทศเพื่อเพิ่มความต้องการ (Demand) ผ่าน  Digital Platform รวมทั้งการจัดทำพิธีสารมาตรการการส่งออกกับประเทศคู่ค้าเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศด้วย” นายเฉลิมชัย กล่าว 

นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า นโยบายสำคัญอีกประการ คือ เผยแพร่ศาสตร์พระราชาและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ไปสู่เกษตรกรให้น้อมนำไปปฏิบัติ ตลอนจนเผยแพร่สู่องค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้งภูมิภาคแอฟริกา หมู่เกาะแปซิฟิก โดยเป็นไปตามนโนบายหลักของรัฐบาลด้านที่ 4 คือ การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลกให้ไทยมีบทบาทนำการพัฒนาและสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นแนวทางที่รัฐบาลจะใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 


ด้านการปฏิบัติงานของข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ จากนี้ไปต้องบูรณาการการทำงานทั้งในและนอกกระทรวงฯ เพื่อประสานนโยบายให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ล่าสุดหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เบื้องต้นที่จะกำหนดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างทูตเกษตรและทูตพาณิชย์ อีกทั้งได้เป็นประธานประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การขับเคลื่อนแผนงานด้านการเกษตรในต่างประเทศ” ให้แก่อัครราชทูต อัครราชทูตที่ปรึกษา และกงสุลทั้ง11 แห่ง เพื่อหาแนวทางขยายการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปต่างประเทศได้อย่างมีศักยภาพ โดยเน้นย้ำถึงเป้าหมายปลายทางที่สำคัญ คือ การส่งเสริมภาคการเกษตรไทยให้เข้มแข็งจะส่งผลให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

รมว.เกษตรฯ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับนโยบายยกระดับราคาสินค้าเกษตร การตลาดนำการเกษตร โดยเฉพาะเร่งด่วน คือ ยางพาราที่จะลงนามร่วมกับกระทรวงคมนาคมในการนำยางพารามาผลิตเป็นอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยทางถนน เช่น แนวกั้นทางโค้ง กรวยยาง แผงกั้นถนน (Barriers) เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศ เพิ่ม demands ลด supplies

นอกจากนี้  ยังมีนโยบายเจรจาร่วมกับอินโดนีเซียและมาเลเซียในสภาไตรภาคียางพารา (ITRC) ทำหน้าที่กำกับดูแลมาตรการรักษาเสถียรภาพราคายางพารา โดยเฉพาะอินโดนีเซียเป็นประเทศส่งออกยางพารา เพื่อหาแนวทางยกระดับราคายางพาราภายใต้กรอบความความร่วมมือของ ITRC.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกตรวจน้ำท่วมเชียงราย

นายกฯ บินเชียงราย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

“นายกฯ แพทองธาร” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เตรียมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมตรวจเยี่ยมการลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือของกองทัพ

ชิงทองระนอง68บาท

รวบแล้วโจรชิงทอง 68 บาท กลางห้างดังระนอง

รวบแล้ว 2 คนร้ายชายหญิง จี้ชิงทอง 68 บาท ในห้างดังกลางเมืองระนอง ฝ่ายชายรับสารภาพ ชีวิตตกต่ำ ไม่มีรายได้ จึงชวนหลานสาววัย 16 ปี มาร่วมก่อเหตุชิงทอง

น้องชายรัวยิงพี่สาวตายกลางงานศพแม่ อ้างฉุนไม่ให้ร่วมจัดงานศพ

น้องชายชักปืนรัวยิงพี่สาวเสียชีวิตกลางงานศพแม่ ภายหลังน้องชายเข้ามอบตัวกับตำรวจ อ้างเหตุผลฆ่าเพราะโมโห รู้สึกว่าพี่สาวใจดำมากที่กีดกันไม่ให้ตนช่วยจัดงานศพแม่

บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ

เจ้าหน้าที่ อย. ร่วมสืบนครบาล บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ มีเบาะแสต้นตอการทะลักของยาเขียวเหลือง ตะลึงพบซากจิ้งจกตายในหม้อต้ม ขณะที่เจ้าของโรงงานยันประกอบอาชีพโดยสุจริต

ข่าวแนะนำ

ชายแดนแม่สายยังเละจมโคลน จับตาพายุลูกใหม่

แม้จะผ่านน้ำท่วมใหญ่ในรอบร้อยปีมาหลายวันแล้ว แต่ตอนนี้ชายแดนแม่สายยังเต็มไปด้วยความเสียหายและดินโคลนจำนวนมาก ชาวบ้านหลายคนยังไม่สมารถกลับเข้าบ้านได้

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค การซ้อมเป็นรูปขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งที่ 7 ณ โรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ขณะที่ “เจ้าอาวาสวัดอรุณฯ” ให้กำลังใจทำหน้าที่ได้เต็มที่-ประสบความสำเร็จ

พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนตกหนัก 76 จังหวัด 19-23 ก.ย.

พายุดีเปรสชันบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนทวีกำลังขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “ซูลิก” แล้ว คาดขึ้นฝั่งเวียดนามคืนนี้ หัวพายุส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนแล้ว ช่วงระหว่างวันที่ 19-23 ก.ย.67 มีพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักถึงหนักมาก 76 จังหวัด