เชียงราย 31 ก.ค. – ไทยประสาน สปป ลาว ขอตัว “สิงห์แก้ว วงศ์ใหญ่” ประธานสมาคมส่งออกสัตว์เชียงแสน จ.เชียงราย กลับไทย หลังถูกจับไปเรียกค่าไถ่ 5 ล้าน และได้รับการปล่อยตัวเมื่อวานนี้ ขณะที่ทางการลาวยังต้องสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นทราบว่าคนร้ายมีไม่น้อยกว่า 3 คน
ความคืบหน้าคดีนายสิงห์แก้ว วงศ์ใหญ่ อายุ 54 ปี ประธานสมาคมส่งออกสัตว์เชียงแสน จ.เชียงราย ถูกกลุ่มคนจับตัวไปเรียกค่าไถ่ 5 ล้านบาท พร้อมส่งคลิปข่มขู่แสดงให้ภาพนายสิงห์แก้วถูกยิงต้นขาขวา มีรอยเลือดเปื้อนกางเกง และถูกปืนสั้นจ่อศีรษะเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ขณะที่เจ้าหน้าที่ไทยประสานตำรวจเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป ลาว กดดันจับกุมคนร้ายเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่พบตัวนายสิงห์แก้ว บริเวณด้านหลังโครงการคิงส์โรมัน เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ เมืองต้นผึ้ง ตรงกันข้ามบ้านสบรวก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยถูกปล่อยให้เดินมาตามถนนสภาพสวมกางเกงเพียงตัวเดียว ตามเนื้อตัวมีรอยขีดข่วนเต็มไปหมด หลังให้การช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ สปป ลาว พานายสิงห์แก้วเดินทางจากเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ไปยังเมืองห้วยทราย เพื่อสอบสวนขยายผล และนายสิงห์แก้วได้พบกับญาติ ขณะที่ไทยประสาน สปป ลาว ขอรับตัวนายสิงห์แก้วกลับแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ สปป ลาว ยังไม่ส่งตัวนายสิงห์แก้วให้ไทย เพราะต้องการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง รรก.ผบช.สตม. ประสานผ่านกระทรวงการต่างประเทศขอตัวนายสิงห์แก้ว กลับไทย แต่จุดรับยังไม่ชัดเจน เพราะจุดผ่านแดนถาวรที่เชื่อมไทย-ลาว ด้าน จ.เชียงราย มี 3 แห่ง คือ จุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก อ.เชียงแสน จุดผ่านแดนถาวรหน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน และจุดผ่านแดนถาวรอำเภอเชียงของ ที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ขณะที่ สปป ลาว ยังไม่มีการแจ้งวันที่จะปล่อยตัวนายสิงห์แก้ว เพราะต้องสอบปากคำหาคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่เบื้องต้นทราบข้อมูลว่าคนร้ายที่จับกุมนายสิงห์แก้วมีไม่น้อยกว่า 3 คน ส่วนอาการบาดเจ็บบริเวณบริเวณขาขวา ไม่ได้ถูกปืนยิง แต่ถูกมีดกรีด และทราบว่าขณะถูกจับตัว นายสิงห์แก้วได้โอนเงินผ่านโทรศัพท์ 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นเงิน 79,000 บาท และครั้งที่ 2 จำนวน 100,000 บาท
ส่วนคดีความ ตำรวจเชียงรายกำลังเร่งหาสาเหตุ โดยสอบปากคำภรรยาและลูกของนายสิงห์แก้ว เพื่อหาความเชื่อมโยงคดี ยืนยันนายสิงห์แก้วไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับใคร เคยมีปัญหาด้านธุรกิจบ้างแต่ก็เรื่องเล็ก และมูลค่าไม่ถึง 5 ล้านบาท ส่วนที่มีปัญหาเรื่องการค้าน้ำตาลที่มีมูลค่ากว่า 13 ล้านบาท ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะทำธุรกิจนี้มาเป็น 10 ปี ส่วนที่เดินทางไป สปป ลาว ครั้งนี้ เพื่อไปติดต่อธุรกิจโรงฆ่าสัตว์ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่กำลังจะลงทุน นอกจากนี้ แม้นายสิงห์แก้วถูกจับตัวที่ สปป ลาว แต่กลุ่มคนร้ายได้ให้โอนเงินค่าไถ่เข้าบัญชีชายชาวไทย และธนาคารของไทย
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.สมพงษ์ ประสานตำรวจนครบาลติดตามตัวเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงิน เบื้องต้นพบว่าใช้ชื่อ “นายอนันต์ฉาย” และวันนี้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประสาน สปป ลาว นำตัวนายสิงห์แก้วกลับมารักษาอาการบาดเจ็บที่ไทย รวมทั้งออกหมายเรียก “นายอนันต์ แซ่โฮง” ซึ่งปรากฏชื่อเจ้าของบัญชีที่นายสิงห์แก้วโอนเงิน มาสอบปากคำ เพื่อหาความเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งอุ้มเรียกค่าไถ่หรือไม่
ล่าสุด พล.ต.ท.สมพงษ์ เดินทางไปตรวจสอบจุดผ่านพรมแดนสบรวก ไทย-ลาว ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นจุดที่นายสิงห์แก้วข้ามไปฝั่ง สปป ลาว จากการตรวจสอบพบว่านายสิงห์ออกจากด่านเวลาเที่ยงกว่าของวันที่ 28 กรกฎาคม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ สปป ลาว ยังคงควบคุมตัวนายสิงห์แก้วเพื่อสอบปากคำขยายผลติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่จับตัวไปเรียกค่าไถ่ ส่วนฝ่ายปกครอง ผู้ว่าฯ เชียงรายได้ประสานงานไปยังแขวงบ่อแก้ว เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี รวมทั้งประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศของลาว เพื่อขอให้อำนวยความสะดวกในการปล่อยตัวนายสิงห์แก้ว
ขณะที่ทางการ สปป ลาว ได้ประชุมเพื่อสรุปสำนวนคดีการเรียกค่าไถ่นายสิงห์แก้วอยู่ แต่ยังไม่ทราบสาเหตุการจับตัวเรียกค่าไถ่ ขณะนี้นายสิงห์ยังคงอยู่ที่เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป ลาว ฝั่งตรงข้าม อ.เชียงของ จ.เชียงราย. – สำนักข่าวไทย