ทีโอที 25 ก.ค.- “พล.อ.ประยุทธ์” ยืนยันเดินหน้าแก้ปัญหาความมั่นคงอย่างสมดุลย์ในหลักของ 3 เอ็ม ระบุต่างชาติพอใจการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีแต่ประเทศไทยกันเองที่ไม่พอใจ ใช้คำว่าสิทธิมนุษยชนมากเกินไปด้วยความไม่เข้าใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เรื่องการแถลงนโยบายรัฐบาล พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายถึงการดูแลความสงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้และการปรับโครงสร้างกองทัพ
ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงอีกครั้งเมื่อเวลา 16.39 น. ถึงปัญหาความมั่นคง ว่า รัฐบาลดูแลและรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ บนพื้นฐานของหลัก 3 M คือความเชื่อมั่น ความเคารพ และผลประโยชน์ที่เท่าเทียม ซึ่งทุกกลุ่มประเทศก็ยึดหลักการเดียวกัน และไทยยังมีนโยบายด้านต่างประเทศที่เชื่อมโยงกลุ่มต่างๆทั้งหมด ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ซึ่งมีความก้าวหน้าไปมาก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีมายาวนาน และหลักการของไทยไม่เหมือนกับของต่างประเทศ เพราะบางหลักการใช้กับประเทศไทยไม่ได้ ขณะเดียวกันการใช้คำว่าสิทธิมนุษยชนจนมากเกินไปด้วยความไม่เข้าใจ ทำให้เกิดปัญหามากขึ้น โดยคำว่าสิทธิมนุษยชน การละเมิดกฎหมายต่าง ๆ ล้วนเป็นเส้นเดียวกันทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเมื่อมีการจับกุมผู้กระทำความผิด ก็ให้ความเป็นธรรมและดูแลอย่างเท่าเทียมกัน หากพบเจ้าหน้าที่ทำผิดก็ลงโทษ ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลทำงานนำหน้าด้วยคำว่าการพัฒนาเป็นสำคัญ และที่ผ่านมาพบว่าสถิติการลงทุนในภาคใต้เพิ่มมากขึ้น แม้จะมีประมาณ ร้อยละ 1 ก็ตาม แต่ก็ถือว่าดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าหากมีความปลอดภัยในพื้นที่ก็จะมีการลงทุนมากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาชายแดนภาคใต้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากภาครัฐ เพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่เคยทำร้ายใคร แต่เพราะเจ้าหน้าที่และประชาชนถูกทำร้ายก่อน จึงต้องดำเนินการเพื่อให้เหตุการณ์สงบ พร้อมเรียกร้องว่า เหตุใดจึงไม่เคยมีการออกมาร้องเรียน เมื่อเจ้าหน้าที่ถูกลอบทำร้ายจนเกิดความสูญเสียระหว่างการปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ประชาชน แต่เมื่อผู้กระทำความผิดถูกจับ กลับมีการร้องเรียนว่ารัฐละเมิดสิทธิมนุษยชน ดูแลผู้ร้ายตลอด ดังนั้นขอให้ดูให้ดี โดยขั้นตอนต่าง ๆ มีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว รวมถึงมียุทธศาสตร์ชาติ และการพูดคุยสันติสุข ที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ย้ำว่าการแก้ปัญหาความไม่สงบนั้น รัฐบาลมุ่งเน้นการพัฒนาและทำความเข้าใจ โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเจรจากับต่างประเทศแล้ว เช่น กลุ่ม AEC ซาอุดิอาระเบีย ประเทศหมู่เกาะต่างๆ ซึ่งล้วนพอใจการแก้ปัญหาของประเทศไทย มีแต่ประเทศไทยกันเองที่ไม่พอใจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของอาวุธยุทโธปกรณ์ ได้จัดซื้อสิ่งที่สามารถซื้อได้ตามงบประมาณที่มีและมีคุณภาพเพียงพอเหมาะสม ซึ่งข้อร้องเรียนการทุจริตต่างๆ ก็ขอให้ไปหาหลักฐานมา หากพบความผิดก็ดำเนินคดีอย่างที่สุด นอกจากนี้ตนเองได้ผลักดันอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ให้สามารถดำเนินการได้ในพื้นที่อีอีซี และพื้นที่อื่น ๆที่เหมาะสม เพื่อรองรับการผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ให้เป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้นานที่สุด ซึ่งงบประมาณที่ได้มาก็ไม่ได้ถือเป็นจำนวนที่สูงมาก คือปีละ 1.75% เท่านั้น ส่วนการจัดซื้อเรือดำน้ำก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือย เพราะรอถึง 6 ปี ถึงจะซื้อมาได้ 1 ลำ โดยพิจารณาอย่างรอบคอบ และดูความคุ้มค่าอย่างรอบด้านด้วย.-สำนักข่าวไทย