ภูมิภาค 23 ก.ค.-สถานการณ์ภัยแล้งในหลายจังหวัดทวีความรุนแรง แม้ว่าเป็นช่วงฤดูฝน โดยที่ จ.น่าน กำลังทหารต้องนำเครื่องสูบน้ำเพื่อผันน้ำจากแม่น้ำน่านเข้าสู่ที่นาของชาวนา เพื่อกอบกู้สถานการณ์
กำลังทหารจากหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 31 นำเครื่องสูบน้ำไปติดตั้งไว้ที่ริมแม่น้ำน่าน เพื่อผันน้ำเข้าสู่แปลงนาที่แตกระแหงแห้งแล้งในพื้นที่หมู่ที่ 9 ตำบลเปือ อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน เบื้องต้นพบว่าชาวนาเดือดร้อน 3 หมู่บ้าน พื้นที่เพาะปลูกไม่ต่ำกว่า 1,300 ไร่ โดยบางส่วนพบว่าอยู่ในช่วงเพาะปลูก และต้นข้าวบางส่วนกำลังยืนต้นตาย ขณะที่ชาวนาในพื้นที่บอกว่าภัยแล้งครั้งนี้น่าจะหนักที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เพราะฝนทิ้งช่วงยาวนาน
ส่วนที่เชียงใหม่ นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ชี้แจงสถานการณ์น้ำให้เกษตรกรในอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ท้ายเขื่อน ขอให้ชะลอการปลูกข้าวนาปี เนื่องจากน้ำในเขื่อนเหลือน้อย และไม่สามารถระบายช่วยเหลือชาวนาในพื้นที่ 120,000 ไร่ได้ ขณะนี้พบว่ามีการปลูกข้าวโดยอาศัยฝนตามฤดูกาลประมาณ 25,000 ไร่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาในเชียงใหม่ เกิดฝนตกกระจายหลายจุด หลังฝนทิ้งช่วงมานาน 1 สัปดาห์ และคาดว่า 1-2 วันนี้จะมีฝนตกกระจายต่อเนื่อง สร้างความชุ่มชื้นให้พื้นที่ แต่ภาพรวมน้ำในเขื่อนยังวิกฤติ โดยเฉพาะเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ที่อำเภอดอยสะเก็ด ซึ่งมีปริมาณน้ำเหลือ 44 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำใช้การได้เพียงร้อยละ 16
เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจเขื่อนพิมาย อำเภอพิมาย หลังพบมีน้ำเหลือไม่ถึงร้อยละ 10 ของความจุ โดยเจ้าหน้าที่ได้นำรถแบ็กโฮ 2 คัน ลงไปในลำน้ำมูล เพื่อขุดเปิดทางน้ำให้ไหลเข้าเขื่อน แต่สภาพลำน้ำมูลก็มีน้ำแห้งขอด เกิดสันดอนดินเป็นแนวยาวเช่นกัน พร้อมกันนี้ได้เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำทดน้ำเข้าเขื่อนเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมพื้นที่การเกษตรท้ายเขื่อน 20,000 ไร่ ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง ซึ่งจากการสำรวรจพบพื้นที่ 9 อำเภอ 17 ตำบล 40 หมู่บ้าน ขาดแคลน้ำอย่างหนัก ต้องนำรถบรรทุกน้ำไปแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัย 400,000 ลิตรต่อวัน.-สำนักข่าวไทย