“สมคิด” เตรียมฟื้น ครม.เศรษฐกิจ

ทำเนียบฯ 19 ก.ค. – “สมคิด” เตรียมฟื้น ครม.เศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นรัฐบาลผสม-ขับเคลื่อนเศรษฐกิจทิศทางเดียวกัน ด้าน ส.อ.ท.ห่วงกำลังซื้อ-ส่งออก เสนอ 3 แนวทางแก้ปัญหา



นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีถึงแนวคิดรื้อฟื้นการจัดตั้ง ครม.เศรษฐกิจ เบื้องต้นให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยไม่จำเป็นต้องประชุมทุกสัปดาห์ แต่อาจประชุมในช่วงที่มีวาระสำคัญพิเศษ เพื่อให้เกิดความมั่นใจ เนื่องจากขณะนี้ภาคเอกชนยังมีความไม่เชื่อมั่นจากรัฐบาลผสมที่มาจากหลายพรรคการเมือง ซึ่งการมี ครม. เศรษฐกิจจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในทางเดียวกัน


นายสมคิด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีความเข้มแข็งมาก เมื่อเช้าได้มีโอกาสพูดคุยกับตัวแทนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ให้ข้อมูลว่าขณะนี้ตลาดหุ้นไทยมีเงินทุนไหลเข้า โดยเฉพาะการลงทุนด้านตราสารหนี้จำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังเป็นที่น่าลงทุนเป็นผลมาจากการที่ไทยเติบโตทางด้านมหภาคอย่างเข้มแข็ง

นายสมคิด กล่าวว่า ส.อ.ท.เสนอรัฐบาล 3 เรื่อง คือ 1.การจัดตั้งกองทุนนวัตกรรมที่ภาคเอกชนดำเนินการ แต่ขอให้รัฐบาลสนับสนุนด้านภาษี โดยขอหักภาษีได้ 3 เท่า เพื่อดึงดูดภาคเอกชนพัฒนาด้านนวัตกรรมมากขึ้นนั้น รัฐบาลจะส่งเรื่องให้กับกระทรวงการคลังนำไปพิจารณา ส่วนข้อ 2. เสนอให้มีการจัดประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) อย่างน้อย 2 ครั้งต่อปี รัฐบาลเห็นด้วยพร้อมดำเนินการ และข้อ 3 การจัดทำรายงานความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ เสนอให้มีตัวแทนจาก ส.อ.ท.เข้าไปร่วมทำงานด้วย ส่วนเงินบาทที่แข็งค่า เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามกำกับอย่างเต็มที่ หาก ส.อ.ท.มีข้อเสนอสามารถส่งให้ ธปท.พิจารณาได้ 

ส่วนปัญหาสงครามการค้าจีนและสหรัฐ ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวและการส่งออกไทยติดลบ เพราะโครงสร้างการผลิตเป็นไปตาม Value Chian ของจีน เมื่อจีนมีปัญหาทำให้ไทยได้รับผลกระทบ คงเป็นเรื่องยากที่การส่งออกของไทยจะกลับมาเป็นบวก รวมถึงปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น สำหรับนโยบายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาทนั้น คณะกรรมการไตรภาคีจะต้องพูดคุยกัน ซึ่งยอมรับว่าเป็นนโยบายของพรรคการเมืองที่เคยหาเสียงไว้ แต่การจะปรับขึ้นมีเงื่อนไขทั้งการพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นต้น เชื่อว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี


นายสุพันธุ์ กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมห่วงกำลังซื้อผู้บริโภค ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาการส่งออกที่ลดลง การปรับประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงผลกระทบสงครามทางการค้า จึงได้มีการมาเสนอแนวทางดังกล่าว ทั้งนี้ ขอบคุณรัฐบาลที่ได้มีการปรับปรุง ยกเลิกกฎหมายที่มีความซ้ำซ้อนในการประกอบธุรกิจ รวมถึงเชื่อมั่นในการเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล เพราะจะส่งผลดีระยะกลางและยาว ส่วนการปรับขึ้นค่าแรง วันนี้ไม่ได้หารือ หลังจากนี้จะหาโอกาสเข้าไปพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน อย่างไรก็ตาม นายสมคิดได้ฝากให้ภาคอุตสาหกรรมตื่นตัวและพัฒนาตนเอง เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงด้านนวัตกรรมและดิจิทัล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นร.หญิง ม.1 จมทะเลดับ หลังโรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่ระยอง

โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ จ.ระยอง นักเรียนหญิง ม.1 ถูกคลื่นดูดลงทะเลขณะเล่นน้ำ เสียชีวิต พ่อแม่สุดเศร้าสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่จมบาดาล น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

น้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังวิกฤติ หลังน้ำในลำน้ำปิงขึ้นสูงสุดทรงตัวสูงกว่า 5.30 เมตร ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่มีการวัดระดับน้ำปิง

น้ำท่วมขนส่งเชียงใหม่กระทบผู้โดยสาร เปิดจุดจอดรับ-ส่งชั่วคราว

น้ำขยายวงกว้างเข้าท่วมสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 2 และ 3 เต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงเกือบ 50 ซม. ผู้ประกอบการขนส่งต้องนำรถทัวร์โดยสารออกมาจอดรับ-ส่งบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ยืนยันผู้ประกอบการยังให้บริการตามปกติ

ระทึก! แท็กซี่พลิกคว่ำเกิดเพลิงไหม้ 5 ชีวิตรอดหวุดหวิด

รถแท็กซี่พลิกคว่ำและเกิดเพลิงลุกไหม้กลางถนนพระราม 9 ผู้โดยสารหญิงสติดีถีบประตูช่วยตัวเองและคนอื่นออกมาจากตัวรถรวม 5 ชีวิตได้ทัน แต่ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 คน เป็นคนขับแท็กซี่ ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ

ข่าวแนะนำ

กต.ย้ำมีแผนพร้อมอพยพคนไทยในอิสราเอล-เลบานอน

กต.ประชุมประเมินสถานการณ์อิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ย้ำมีแผนอพยพพร้อม เผย 5 แรงงานไทยเตรียมเดินทางกลับ แนะประชาชนตัดสินใจก่อนน่านฟ้าปิด

เตรียมตั้ง 7 เตาไฟฟ้า พิธีพระราชทานเพลิงศพ นร.-ครู 23 คน

เตรียมพื้นที่ตั้ง 7 เตาไฟฟ้า กลางสนามโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นักเรียน-ครู 23 คน เหยื่อไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา วันที่ 8 ต.ค.นี้

เชียงใหม่ยังอ่วม เจอน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

แม้ระดับน้ำปิงที่ทะลักท่วมตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มลดลง จากที่เคยขึ้นสูงสุดถึง 5.30 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยวัดระดับมา จนทำให้เชียงใหม่เผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ บ้านเรือนหลายพันหลังและย่านการค้ายังจมน้ำ บางจุดยังท่วมสูงกว่า 2 เมตร ยังต้องเร่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่น้ำท่วม หลายคนต้องใช้ชีวิตอยู่ในรถที่จอดบนสะพาน

ภาคกลางเริ่มกระทบ น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมบ้านประชาชน

น้ำเจ้าพระยาล้นข้ามถนนเข้าท่วมบ้านกว่า 30 หลังคาเรือน ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ส่วนชุมชุนริมท่าน้ำปากเกร็ด เริ่มกระทบ