ทำเนียบฯ 10 มิ.ย. – นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2567 หารือมาตรการกระตุ้นเติบโตของเศรษฐกิจ ให้เติบโตเกินกว่าสภาพัฒน์ประมาณการณ์ 2.5% หวังให้โตประมาณ 3% ย้ำการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจตามเป้าหมายของสภาพัฒน์
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2 ส่วนรัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์. นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ยังนีนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย, นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และนายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเข้าร่วมประชุมด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวตอนเริ่มประชุมว่า เป็นการประชุมเพื่อติดตามมาตรการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยหลังการประชุมนายพิชัย แถลงว่า ที่ประชุมหารือถึงมาตรการที่สำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 มาตรการ เพื่อให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) สูงกว่าที่สภาพัฒน์ประมาณการณ์ จากที่สภาพัฒน์ประมาณการณ์ว่า เฉลี่ย 2.5% ส่วน GDP ไตรมาสที่ 1/2567 ขยายตัวเพียง 1.5% ซึ่งต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านและประเทศคู่ค้า เศรษฐกิจไทยจึงอยู่ในเกณฑ์มีปัญหา ดังนั้นทางรอดระยะยาว GDP จะต้องขยายตัว 5% แต่สำหรับปี 2567 หวังให้เติบโตได้ 3%
มาตรการแรกคือ กระตุ้นการท่องเที่ยว จากที่คาดการณ์ว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยปีนี้มีประมาณ 35.7 ล้านคน ซึ่งต้องพยายามเพิ่มให้ได้อีก 1 ล้านคนเป็น 36.7 ล้าน รวมถึงเพิ่มระยะเวลาของการอยู่ในประเทศไทยซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
มาตรการที่ 2 คือ เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ สำหรับงบลงทุนซึ่งมี 8.5 แสนล้านบาท จะต้องพยายามให้ใช้งบลงทุนให้ได้ถึง 70 – 75% ให้มากกว่าค่าเฉลี่ยที่อยู่ประมาณ 60% ขณะนี้เบิกจ่ายไปแล้วประมาณ 40% ดังนั้นในวันที่ 12 มิถุนายน จะหารือกับหน่วยงานเบิกจ่ายงบประมาณต่ำกว่าเป้าหมาย
มาตราการที่ 3 คือ การสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชน ตามที่มีภาคเอกชนขอรับการสนับสนุนการจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในช่วง 2-3 ปีนี้ ประมาณกว่า 8 แสนล้านบาท หากสนับสนุนให้เข้ามาลงทุนในปี 2567 ประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท
จากมาตรการทั้งหมดจะทำให้ GDP ขยายตัวได้ถึง 3% โดยจะกำหนดแนวทางขับเคลื่อนมาตรการเหล่านี้ต่อไป. -512 – สำนักข่าวไทย