เคลื่อนไหวกดดัน ผอ.รร.ชี้แจง ปมคูปองอุปกรณ์เรียน

รร.วัดสุทธิวราราม 8 ก.ค.-ศิษย์เก่าศิษย์ปัจจุบัน เคลื่อนไหวกดดันให้ ผอ.โรงเรียนชี้แจงกรณีคูปองแลกเครื่องเขียน-กระเป๋า ไม่มีคุณภาพ ด้าน ผอ.ยังเงียบ ไร้การเคลื่อนไหว


หลังจากมีกระแสข่าวว่าเช้าวันนี้ (8ก.ค.)นายอารีย์ วีระเจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิวราราม จะออกมาตั้งโต๊ะแถลงการณ์ ชี้แจงกรณีคูปองแลกเครื่องเขียนของทางโรงเรียนและกระเป๋านักเรียนที่ไม่มีคุณภาพ ที่หลายฝ่ายออกมาตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการทุจริตหรือไม่และผู้อำนวยการมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทผู้ผลิตสินค้าที่นำมาจำหน่ายให้นักเรียนหรือไม่ เนื่องจากครบ 3 วัน ที่ศิษย์เก่าและปัจจุบัน รวมถึงผู้ปกครอง แจ้งให้ ผอ.โรงเรียน ออกมาชี้แจงกรณีนี้


เช้าวันนี้ (8ก.ค.) ตั้งแต่เวลา 08.00 น.บรรยากาศที่บริเวณหน้าโรงเรียนบรรดา ศิษย์เก่า พร้อมนักเรียนปัจจุบันของโรงเรียนวัดสุทธิวราราม รวมถึงผู้ปกครอง ได้นัดรวมตัวกันบริเวณหน้าประตูโรงเรียน พร้อมถือป้ายทวงถามให้ ผอ.โรงเรียน ออกมาชี้แจง แต่จนถึง เวลา 09.00 น.ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากนายอารีย์ หรือคณะครูในโรงเรียน มีเพียงนักเรียน และผู้ปกครอง ออกมาเคลื่อนไหว มาชี้แจงทั้งกรณีคูปอง รวมถึงนำอุปกรณ์ที่แลกมาจากคูปองมาโชว์ให้สื่อมวลชนเห็น ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากตำรวจ โดยทางตำรวจพยายามโน้มน้าวให้นักเรียนยุติการเคลื่อนไหว


ตัวแทนผู้ปกครองคนหนึ่ง ออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชนว่า ในการประชุมผู้ปกครอง ยืนยันว่าในที่ประชุมไม่เคยมีการพูดถึง  หากกรณีที่ผู้ปกครองไม่ต้องการซื้อสินค้าก็สามารถนำคูปองมาแลกเป็นเงินสดที่ห้องการเงินได้เลย มีเพียงแค่แรงงานต่างด้าวที่มารับแลกคูปอง บอกว่าหากไม่แลกวันนี้ก็ไม่สามารถใช้คูปองได้ ตนเองจึงต้องจำใจรับมา ซึ่งอุปกรณ์ที่ได้มา ตั้งแต่ที่ลูกตัวเองเรียนในชั้น ม.1จนถึงตอนนี้ลูกอยู่ ม.6 ไม่เคยเจออุปกรณ์แบบนี้ ได้แฟ้มพลาสติก กาวแท่งราคาถูก ยางลบ ปากกาไฮไลท์ ซึ่งดูยังไงแล้วก็ไม่มีทางถึง 200 บาท จึงอยากขอความชัดเจนจากโรงเรียนในเรื่องนี้ 

ด้านนายชิติพัทธ์ พุ่มมั่น คณะกรรมการโรงเรียนวัดสุทธิฯ กล่าวว่า สัปดาห์ที่แล้วถูกผู้อำนวยการโรงเรียนเรียกไปพบ พร้อมโชว์หลักฐานว่าโครงการคูปองการเรียนที่ทำมีเอกสารการดำเนินการที่ถูกต้อง และอยากให้ตนไปกระจายข่าวเรื่องนี้ให้กับเพื่อนๆในโรงเรียน ซึ่งตนไม่ยอม  เนื่องจากสงสัยว่าเหตุใดหากมีเอกสารหลักฐานถูกต้องจึงไม่ออกมาชี้แจง รวมถึงให้สังคมออกมาตรวจสอบ และรับทราบทำไมจึงต้องใช้ตนเป็นสะพาน เพื่อปกป้องข้อกล่าวหาตนเอง

ขณะที่บรรยากาศภายในโรงเรียนก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ ครูได้ประกาศชี้แจง ระบุว่าขอให้ครูที่ปรึกษามารับหนังสือจากฝ่ายวิชาการเพื่อแจ้งไปยังผู้ปกครองของนักเรียนในการรับเงินคืน กรณีคูปองค่าอุปกรณ์การเรียน ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 210 บาท ม.ปลาย 230 บาท โดยวันพรุ่งนี้(9ก.ค.)ให้ครูที่ปรึกษามารับเงินค่าอุปกรณ์การเรียนจากฝ่ายการเงินและนำไปจ่าย เงินคืนตามรายชื่อของนักเรียน พร้อมขอความร่วมมือจากนักเรียน นำอุปกรณ์การเรียนที่ได้รับไปยังไม่ชำรุดมาคืนโรงเรียนภายในวันที่15 ก.ค.นี้ รวมถึงให้ครูที่ปรึกษานำใบเสร็จค่าอุปกรณ์การเรียนมาคืนในวันพบครูของลูกในเดือนสิงหาคม

ทั้งนี้ หลังจากครบ 1 ชั่วโมงที่นักเรียนออกมาเรียกร้องขอความชัดเจนจากนายอารีย์ ทางโรงเรียนก็ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ  ยังคงเงียบ ทางกลุ่มศิษย์เก่าและปัจจุบัน จึงได้ร่วมแถลงการณ์ โดยนายชนธัณ อัศวฐานนท์ ประธานกลุ่มสุทธิต่อต้านคอร์รัปชั่นและศิษฐ์เก่า กล่าวว่า หลังจากนี้จะยกระดับการเคลื่อนไหวด้วยการเดินทางไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ,สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท. ),และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อส่งหนังสือและเอกสารหลักฐานเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ ทุกรณี รวมถึงขอให้มีการสังพักงานนายอารีย์เพื่อป้องกันการแทรกแซงกระบวน การตรวจสอบ ยืนยันหลังจากนี้จะเคลื่อนไหวต่อเนื่องทั้งกับนักเรียน ผู้ปกครอง และหน่วยงาน เพื่อไม่ต้องการให้เรื่องเงียบหายไป โดยทางกลุ่มจะร่วมเดินทางไปยื่นหนังสือในหน่วยงานดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ (9ก.ค.)

สำหรับกรณีดังกล่าวเกิดจากที่โลกโซเชียลมีการเผยแพร่ข้อมูลอ้างถึงความไม่ชอบมาพากลกรณีการดำเนินการของโรงเรียนวัดสุทธิวราราม กรณีการจัดสรรงบประมาณค่าอุปกรณ์การเรียน ในโครงการเรียนฟรี เรียนดี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ซึ่งโรงเรียนใช้วิธีการออกคูปองมอบให้นักเรียนในวันมอบตัว มูลค่าคูปอง มัธยมศึกษาตอนต้น 210 บาท ม.ปลาย 230 บาท แล้วให้ไปซื้อของกับร้านค้าของโรงเรียนในวันนั้นเลย โดยมีการจัดเป็นชุดไว้เสร็จสรรพ เป็นอุปกรณ์การเรียนคุณภาพกลางๆ เอาคูปองมาแลกไป ขณะที่บางรายการที่นำไปจัดชุดให้ซื้อ ไม่ตรงกับความต้องการของเด็กและผู้ปกครองนั้น 

ทำให้มีบรรดาศิษย์เก่า และปัจจุบัน รวมถึงนักเรียน และผู้ปกครอง รวมตัวกันเรียกร้องขอให้ผอ.โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ชี้แจงการบริหารงานที่หลายฝ่ายมีข้อสงสัยถึงความไม่โปร่งใส ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่นายอารีย์เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ไม่เฉพาะเรื่อง การแจกคูปองเงินอุดหนุนอุปกรณ์การเรียนตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ให้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นคนละ 210 บาท และมัธยมศึกษาตอนปลาย 230 บาทแทนเงินสด แล้วต้องซื้ออุปกรณ์การเรียนภายในโรงเรียนเท่านั้น

จากการตรวจสอบพบว่า อุปกรณ์การเรียนดังกล่าวคุณภาพของสินค้าไม่เหมาะสมกับมูลค่าคูปอง อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงผู้ผลิตกระเป๋านักเรียนจากเดิมราคา 300 บาท เป็น 350 บาท แต่กลับมีคุณภาพต่ำลงและชำรุดง่าย ยังรวมถึงปัญหาคูปองในโรงอาหารและปัญหางบประมาณการจัดสอนพิเศษเพื่อสอบโอเน็ต ด้วย.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง