ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย คงเป้าหุ้นไทยปีนี้ 1,750-1,800 จุด

ตลท. 27 มิ.ย. – ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทยมั่นใจเงินต่างชาติอีก 60,000 ล้านบาท เตรียมไหลเข้าไทยปีนี้ หนุนดัชนีหุ้นไทยถึง 1,800 จุด ย้ำขึ้นกับฝีมือรัฐบาลใหม่ขับเคลื่อนประเทศ ขณะที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยากังวลสงครามการค้ายืดเยื้อฉุดส่งออกปีนี้ติดลบ


นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยในงานสัมมนา “วางแผนการลงทุนตราสารหนี้ต้อนรับรัฐบาลใหม่” ว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลืองของปีนี้ยังเป็นขาขึ้น แต่อาจไม่ขึ้นแรงเท่ากับช่วงครึ่งปีแรกที่ขึ้นมาแล้ว 200 จุด โดยคงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้ 1,750-1,800 จุด โดยมั่นใจว่ากระแสเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าไทยต่อเนื่องทั้งปีประมาณ 100,000  ล้านบาท โดยไหลเข้ามาแล้ว 40,000 ล้านบาท โดยเฉพาะเดือนมิถุนายนมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากที่สุดในเอเชีย และ เป็นปีแรกที่ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยในรอบ 5 ปี จากก่อนหน้านี้ขายออกไป 600,000 ล้านบาท ส่วนช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะมีเงินทุนต่างชาติไหลเข้าอีก 60,000 ล้านบาท

ส่วนตลาดหุ้นไทยปี 2563 คาดว่าปรับตัวขึ้นได้อีกร้อยละ 10 บนพื้นฐานกำไรบริษัทจดทะเบียนขยายตัวร้อยละ 10 โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้ในปี 2563 เพราะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชัดเจนลดดอกเบี้ยปีนี้ 1-3 ครั้ง โดยจะลดครั้งแรกเดือนกรกฎาคมนี้และเมื่อเฟดลดดอกเบี้ยธนาคารกลางทั่วโลกก็จะลดดอกเบี้ยตาม รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งคาดว่าจะลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายปีนี้ โดยจะเป็นแรงสนับสนุนให้เศรษฐกิจโลกจากที่ชะลอตัวกลับมาฟื้นตัว เพราะเศรษฐกิจโลกปัจจุบันแค่ชะลอไม่ถึงกับทรุด โดยยังขยายตัวที่ร้อยละ 3 


ส่วนสถานการณ์ความตรึงเครียดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน คาดมีทางออกที่ดีในการเจรจานอกรอบประชุม G20 สุดสัปดาห์นี้ โดยเชื่อว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่แสดงท่าทีแข็งกร้าวกับจีน เพราะที่ผ่านมาคะแนนนิยมเริ่มลดลง ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นปีหน้า ประกอบกับ สงครามการค้าสหรัฐกับจีนส่งผลกระทบไปยังเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศ 

อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ การเมืองในประเทศ โดยคาดว่ามีน้ำหนักน้อยลงต่อตลาดหุ้นไทย เพราะรัฐบาลใหม่น่าจะจัดตั้ง ครม.เร็ว ๆ นี้ โดยในช่วง 6 เดือนแรกรัฐบาลต้องเร่งสร้างผลงานคงจะไม่ทะเลาะกัน แม้ว่าจะมีเสียงปริ่มน้ำ แต่เสถียรภาพน่าจะดีอยู่ โดยเชื่อว่าภายในปีนี้จะยังไม่เกิดแรงกระเพื่อมใด ๆ โดยต้องจับตามองนโยบายด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมั่นใจว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเร็ว ๆ นี้ 

“ตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นไปได้ไกลแค่ไหน ส่วนหนึ่งก็ขึ้นกับฝีมือรัฐบาลว่าจะมีนโยบายด้านเศรษฐกิจ และ ขับเคลื่อนนโยบายไปได้ไกลแค่ไหน เพราะหุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนมากที่สุด เพราะมีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่เป็นจำนวนมาก” นายไพบูลย์ กล่าว


ด้านนายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับลดจีดีพีไทยปีนี้ลงเหลือโตร้อยละ 3.2 จากเดิมร้อยละ 3.8 เนื่องจากการส่งออกขยายตัวต่ำกว่าคาด โดยปีนี้คาดว่าติดลบร้อยละ 1-1.5 จากเดิมโตร้อยละ 3.5 ซึ่งมาจากผลกระทบสงครามการค้าและวัฎจักรเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยยังต้องติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน หากสหรัฐปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบที่ 4 ก็จะกระทบ และ ส่งผลไปยังการค้าโลกให้ชะลอตัวลงอีก และมีผลต่อการปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยลงทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าสหรัฐกับจีนจะมีทางออกร่วมกัน 

ส่วนทิศทางค่าเงินบาทในช่วงที่เหลือของปียังมีแนวโน้มแข็งค่า แต่ไม่เร็วเหมือนในช่วงที่ผ่านมา เพราะตลาดรับรู้ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยประมาณ  2 ครั้งในปีนี้ ประกอบกับ ธปท.เข้าไปดูแลไม่ให้เงินบาทแข็งค่าเร็วจนกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดยยังคงกรอบเป้าหมายเงินบาทสิ้นปีนี้ไว้ที่ 30.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]