BIG STORY : รวบแล้ว! 3 คนแก๊งวิน จยย. ยกพวกตะลุมบอนย่านอุดมสุข

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย.-รวบแล้ว! 3 คน แก๊งวินจักรยานยนต์รับจ้างยกพวกตะลุมบอนย่านอุดมสุข ตำรวจ สน.บางนา เตรียมขอหมายจับอีก 4 คน


เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ประชุมร่วมกับตำรวจ สน.บางนา และชุดสืบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีกลุ่มวินจักรยานยนต์รับจ้าง 2 กลุ่ม ก่อเหตุตะลุมบอนกันกลางถนนย่านอุดมสุข เมื่อวานนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย โดย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า คดีนี้ผู้ก่อเหตุทั้งหมดกระทำการอุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงย้ำให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดในทุกฐานความผิด และให้มีการตรวจสอบประวัติ และสารเสพติดของผู้ขับขี่วินจักรยานยนต์ทุกพื้นที่ 


ขณะที่ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวน สน.บางนา เตรียมขอศาลจังหวัดพระโขนง ออกหมายจับเพิ่มอีก 4 คน และเชื่อมีอีกหลายคนที่เกี่ยวข้อง จะทยอยรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยขอเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุม ส่วนสาเหตุการทะเลาะวิวาทเบื้องต้นเกิดจากการแย่งลูกค้ากัน มากกว่าจะเป็นสาเหตุของการพยายามยึดวินรถจักรยานยนต์รับจ้างคู่แข่ง ยืนยันว่าวินรถจักรยานยนต์ ซอย 1 ขออนุญาตถูกต้องเมื่อเดือนมีนาคม โดยมีนายประมุข วิเชียรดิลกุล เป็นหัวหน้า และเป็นผู้ยื่นยขอใบอนุญาตตั้งวิน แต่ไม่ได้ชี้ชัดว่านายประมุข เป็นผู้มีอิทธิพล สั่งการให้ลูกวินก่อเหตุดังกล่าว แต่วินรถจักรยานยนต์ ซอย 2 พบว่า ยังไม่ได้รับอนุญาต พร้อมสั่งตรวจสอบปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์จากกลุ่มที่ตั้งวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง


ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่าคดีนี้ ศาลจังหวัดพระโขนง ออกหมายจับ 3 คน คือ นายวันชัย มงคลเข็ม, นายปิยะ พวงเกษร และ นายรังสรรค์ ศรไชยากร ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ร่วมกันพกพาอาวุธเข้าไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร และร่วมกันยิงปืน ซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน โดยเมื่อเช้าที่ผ่านมา ตำรวจนำหมายค้นเข้าตรวจค้นชุมชนเป้าหมาย จนจับตัวผู้ต้องหาได้ 2 คน คือ นายปิยะ และ นายรังสรรค์ นอกจากนี้ ยังควบคุมตัวนายเจริญ หรือ ต่อ เจริญผล ที่ตำรวจเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้มาสอบสวน และแจ้งข้อหา มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วน นายวันชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับอีกหนึ่งคน ตำรวจยังอยู่ระหว่างการติดตามจับตัว เชื่อยังหลบในพื้นที่กรุงเทพฯ สำหรับอาวุธปืน เบื้องต้นพบมีอาวุธปืน จำนวน 3 กระบอก ที่ใช้ก่อเหตุ โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ต่างๆ เพื่อให้หลักฐานมีความรัดกุม

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังยืนยันตัวเลขผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ มีจำนวน 3 คน ส่วนผู้เสียชีวิต มีเพียง 1 คน คือ นายวีรวัฒน์ พึ่งครุฑ พนักงานขนส่งเอกชน และหากตรวจสอบพบ นายวีรวัฒน์ ผู้ตาย เกี่ยวข้องร่วมเหตุการณ์ตะลุมบอนด้วย ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยแยกส่วนกัน ระหว่างการร่วมกระทำความผิดและการถูกฆ่า 

ด้าน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง” ออกหนังสือชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวว่า เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ เกี่ยวข้องกับการร่วมกับวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง ย่านอุดมสุข ทะเลาะวิวาทกัน โดย มูลนิธิฯ ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว และใคร่ขอเรียนชี้แจงว่า นายจีระพงศ์ วิบูลย์รัชกิจ เป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สังกัดแผนกบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งอยู่ในระหว่างทดลองงาน (เริ่มปฏิบัติงานเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา) โดยภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทางมูลนิธิฯ ได้พักงานเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว เพื่อรอผลสรุปทางคดี หากมีความผิดจริงมูลนิธิฯ จะเลิกจ้างในทันที มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีนโยบายให้ความสำคัญในด้านการตรวจสอบพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครเป็นอันดับแรก หนึ่งในขั้นตอนสำคัญในการคัดเลือกเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครของมูลนิธิฯ คือ การตรวจเช็กประวัติอาชญากรรม ประกอบการพิจารณา ซึ่งมูลนิธิฯ ได้ดำเนินการตลอดเรื่อยมา โดยหากเจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครรายใดมีพฤติกรรมโดยมิชอบ มูลนิธิฯ จะเร่งตรวจสอบในทันที และดำเนินการตามกฎระเบียบของมูลนิธิฯ และตามกฎหมายต่อไป  

ล่าสุดมีรายงานข่าวจากกรมการขนส่งทางบก และ กทม.ระบุว่า อาจจะนำปัญหาดังกล่าวเข้าสู่การหารือภายในคณะกรรมการจัดระเบียบรถจักรยานยนต์สาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อพิจารณาหาทางออกของปัญหา โดยคณะกรรมการจัดระเบียบฯ ที่จัดตั้งขึ้นโดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ คสช. และได้มีการมอบหมายให้มณฑลทหารบกที่ 11 ร่วมกับกรุงเทพมหานคร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการขนส่งทางบก รวม 4 ฝ่าย ดำเนินการจัดระเบียบวินรถจักรยานยนต์รับจ้างในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา แบ่งเป็น 3 ระยะ ส่วนใหญ่เป็นการนำวินรถจักรยานยนต์รับจ้างหรือรถป้ายดำที่มีอยู่ เข้าสู่ระบบจดทะเบียนให้ถูกต้อง รวมถึงการกำหนดจุดตั้งวินที่เหมาะสม 

อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา การกำหนดจุดที่ตั้งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดเป็นการขึ้นทะเบียนวินเก่าที่มีอยู่ในพื้นที่เดิม โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้ลงไปตรวจสอบพูดคุยกับหัวหน้าวินในแต่ละพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพลและสำรวจสมาชิกที่มีในแต่ละวินทั้งหมด เมื่อได้ข้อสรุปก็จะมีการส่งเรื่องให้สำนักงานเขตในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตรวจสอบจุดที่ตั้งและเมื่อผ่านการพิจารณาถูกต้องตามขั้นตอนแล้ว จะมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกทำการขึ้นทะเบียน ในส่วนของผู้ประกอบอาชีพขับรถที่จะต้องขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกอยู่ในวินนั้นๆ มีการทำประวัติ เพื่อให้สามารถดูแลความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร

ภายหลังเกิดเหตุวิวาทบริเวณปากซอยอุดมสุข ทั้งประชาชนที่ใช้บริการและที่สัญจรผ่านพื้นที่ดังกล่าว ก็มีความกังวลว่าปัญหาความขัดแย้งของวินทั้งสองวินจะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยขึ้นในพื้นที่และหวังว่าคณะกรรมการจัดระเบียบฯ จะลงมาตรวจสอบแก้ปัญหาดูแลจุดที่ตั้งของวินให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย