กทม. 28 พ.ค.- กรมการขนส่งทางรางวางโครงสร้างราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายใหม่ หลัง TDRI ระบุค่าโดยสารรถไฟฟ้าไทยแพงกว่าสิงคโปร์ถึง 20%
หลายท่านทราบแล้วว่า ทางรัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคม ได้มีการจัดตั้ง กรมการขนส่งทางราง ไปแล้ว มีการโอนหน่วยงาน กำลังเจ้าหน้าที่ จากสำนักโครงการระบบราง ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. ออกมาตั้งต้น รวมถึงคณะรัฐมนตรี ได้แต่งตั้ง ผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดี ไปแล้ว ก้าวต่อไปของ กรมการขนส่งทางราง จะเป็นอย่างไร
สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. ร่วมกับ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI จัดประชุมระดมความเห็น ครั้งที่ 1 : บทบาท กรมการขนส่งทางราง โดยมีผู้บริหารการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทยร่วมงานคึกคัก โดยที่ประชุมหารือถึงบทบาทแนวทางการกำกับกิจการ การดูแลการก่อสร้างระบบราง การกำหนดมาตรฐานความปลอดภัย การออกใบอนุญาต และลงลึกการกำหนดค่าโดยสารรถไฟฟ้า ที่เป็นธรรมกับผู้ใช้บริการ
นายสรพงษ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง บอกว่า ขณะนี้กรมการขนส่งทางราง อยู่ระหว่าง ศึกษาระบบกํากับดูแลกิจการขนส่งทางรางสำหรับประเทศไทย โดยภายในปีนี้ คาดว่าร่างพระราชบัญญัติกำกับกิจการขนส่งทางราง จะได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งจะทำให้กรมการขนส่งทางรางมีบทบาทหน้าที่เต็มในการดำเนินงาน
ภารกิจสำคัญลำดับต้นๆ ของกรมการขนส่งทางราง มีอยู่ 5 เรื่อง คือ การกำกับโครงการก่อสร้างระบบราง งานกำกับดูแลความปลอดภัยระบบรถไฟ รถไฟฟ้าที่ให้บริการแก่ประชาชน การออกใบอนุญาตที่สำคัญ เช่น ใบอนุญาตขับขี่ รถไฟ รถไฟฟ้า และก็มีอีกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ คือ การปรับปรุงอัตราค่าโดยสารระบบรถไฟฟ้า โดยในส่วนของรถไฟฟ้าสายเดิมที่เปิดให้บริการไปแล้ว และการให้สัมปทานแก่เอกชน ซึ่งการไปปรับเปลี่ยนราคาอาจทำได้ยาก
แต่ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ ก่อสร้างแล้วเสร็จจะทยอยเปิดให้บริการนั้น สามารถวางโครงสร้างราคาให้เหมาะสม โดยกรมการขนส่งทางราง มีแนวคิด นำจะเงินภาษีที่จัดเก็บ โดยท้องถิ่น จากการต่อภาษีรถยนต์ประจำปี มาอุดหนุนอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าเพื่อให้มีราคาถูกลง หรือ พิจารณาจากกองทุนอื่นๆ นำมาดำเนินการในลักษณะเดียวกัน
ไปดูความเห็นของนักวิชาการบ้าง คุณสุเมธ องกิตติกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการขนส่ง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ระบุว่า ภารกิจเร่งด่วนของ กรมการขนส่งทาง นั้น TDRI เห็นว่า ควรเร่งแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะเรื่อง จุดตัดรถไฟกับถนน ซึ่งที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เกิดความสูญเสียต่อชีวิตทรัพย์สิน ทำอย่างไร ให้ปัญหา ดังกล่าวหมดไป หรือเกิดน้อยที่สุด อีกเรื่องที่สำคัญคือปัญหาเรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้า ปัจจุบัน ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าโดยสารรถไฟฟ้าเฉลี่ยเดือนละประมาณ 1,000 – 1,200 บาทต่อเดือน หรือคิดเป็นเงิน กว่า 12,000 บาทต่อปี
ปัจจุบัน อัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าค่อนข้างสูง ส่วนหนึ่งมาจากการที่ประชาชน มีการเดินทางข้ามระบบรถไฟฟ้า ทำให้ต้องเสียค่าแรกเข้าเพิ่มเติม และส่งผลให้ประชาชนส่วนมาก เดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าหลัก
หากเทียบอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าของไทยไปกับเพื่อนบ้าน อย่างสิงคโปร์ถือว่ามีราคาที่สูงกว่าประมาณ 20% ดังนั้น ภาครัฐจึงต้องออกนโยบายช่วยเหลือ ควรเปิดให้ประชาชนนำค่าใช้จ่ายในการโดยสารรถไฟฟ้ามาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลประจำปี เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น และควรออกนโยบายช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้หันมาใช้รถไฟฟ้าด้วย เพราะปัจจุบันด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงทำให้ผู้ที่โดยสารรถไฟฟ้าส่วนมากเป็นคนชั้นกลาง
ส่วนเรื่องของค่าโดยสาร รถไฟฟ้าที่หลายประเทศ ราคาแตกต่างกันนั้น โครงสร้างราคาไม่ใช่แค่เฉพาะค่ารถไฟฟ้า แต่รวมถึงรถเมล์โดยสารด้วย หลายประเทศ ใช้วิธีการชดเชยอุดหนุนต้นทุนการเดินรถโดยรัฐบาลจัดสรรงบประมาณลงไป ทำให้ประชาชนใช้บริการค่าโดยสารถูก ซึ่งเมื่อค่าโดยสารถูก ก็นำมาซึ่งการหมุนเวียนเดินทาง ในเมือง การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น แต่ว่าไทยจะใช้รูปแบบอย่างไร เงินจากไหน คงต้องไปศึกษากัน.-สำนักข่าวไทย
