กรุงเทพฯ 28 พ.ค. – กลุ่มเชื้อเพลิงชีวภาพเป็นงงกฎหมายกองทุนน้ำมันฯ แยกเชื้อเพลิงชีวภาพออกจากการเป็นน้ำมัน ไม่อุดหนุนเชื้อเพลิงชีวภาพใน 7 ปีข้างหน้า รอวัดใจรัฐบาลใหม่จะร่างกฎหมายพลังงานทดแทนอย่างไร หากไม่อุดหนุนต่ออาจจะกระทบต่อเกษตรกร
นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี นายกกิตติมศักดิ์สมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย กล่าวถึงพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 ที่ระบุจะไม่มีการชดเชยเชื้อเพลิงชีวภาพหรือพลังงานทดแทนในอนาคต ว่าเป็นเพราะผู้ร่างกฎหมายเห็นว่าเชื้อเพลิงชีวภาพทั้งไบโอดีเซลและเอทานอลไม่เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง จึงให้แยกออกมา โดยกระทรวงพลังงานระบุว่าจะมีการร่างกฎหมายใหม่เป็นร่าง พ.ร.บ.พลังงานทดแทนโดยเฉพาะ ซึ่งก็ต้องตามดูว่าจะดำเนินการอย่างไร เงินกองทุนฯ จะมาจากไหน เพราะปัจจุบันนี้เงินกองทุนอุดหนุนเชื้อเพลิงชีวภาพ เช่น อี 20 (อุดหนุน 0.78บาท/ลิตร ) อี 85 (อุดหนุน 6.38 บาท/ลิตร ) ไบโอดีเซลบี10 (อุดหนุน0.65 บาท/ลิตร ) และบี 20 (อุดหนุน 4.50บาท/ลิตร ) ก็นำมาจากเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ อี 10 มีการจัดเก็บเงินเข้ากองทุน 2.12 บาทต่อลิตร บี 7 จัดเก็บเข้ากองทุน 0.20 บาท/ลิตร แล้วในส่วนนี้จะถูกตีความว่าเป็นเงินอะไร เพราะมีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพอยู่ด้วย
“ในเรื่องส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพควรจะดูกันทั้งระบบต้องบูรณการตั้งแต่การเป็นเชื้อเพลิง จนไปถึงเกษตรกร เพราะหากไม่สนับสนุนแล้วยอดใช้ไบโอดีเซล-เอทานอลลดลง ในที่สุดก็กระทบเกษตรกรโดยตรง ซึ่งคงเป็นเรื่องที่รัฐบาลใหม่คงต้องเข้ามาดู” นายสิริวุธ กล่าว
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 โดยนายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) หรือ สบพน. เปิดเผยว่า ตาม พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันฯ จะมีผลบังคับใช้จริงในอีก 120 วัน ซึ่งในช่วงนี้ จะหารือกับสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เพื่อกำหนดขอบข่ายการทำงาน รวมถึงการจัดตั้ง “สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง” ขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่แทน สบพน.
ทั้งนี้ สาระสำคัญของกฎหมายฉบับดังกล่าวในมาตรา 26 ระบุว่ากองทุนต้องมีจำนวนเงินเพียงพอเพื่อใช้ในการบริหารจัดการกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อรวมกับเงินกู้ตามวรรคสองแล้วต้องไม่เกินจำนวน 40,000 ล้านบาท เมื่อกองทุนมีจำนวนเงินไม่เพียงพอ เพื่อดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ให้สำนักงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการและโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจกู้ยืมเงินจำนวนไม่เกิน 20,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดการเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินตามวรรคหนึ่งและกรอบวงเงินกู้ตามวรรคสองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจให้กระทำได้โดยการตราพระราชกฤษฎีกา
นอกจากนี้ ในมาตรา 55 ในกรณีที่มีการจ่ายเงินชดเชยให้แก่น้้ามันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับให้ใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการดำเนินการดังกล่าวต่อไปได้ เป็นระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ทั้งนี้ ให้นำความในหมวด 4 การดำเนินงานของกองทุน และหมวด 7 บทกำหนดโทษ ที่เกี่ยวข้อง มาใช้บังคับกับการด้าเนินการนี้ด้วย ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการดำเนินการออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และมาตรการ เพื่อลดการจ่ายเงินชดเชยทุกรอบระยะเวลาหนึ่งปี ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวให้นำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในกรณีที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป
นายวีระพล กล่าวว่า กองทุนน้ำมันฯ จะถูกใช้เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในกรณีที่เกิดวิกฤติการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนั้น จะไม่สามารถนำเงินมาใช้ชดเชยราคาพลังงานทดแทนได้ แต่กฎหมายกำหนดให้ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องทำแผนลดการชดเชยเงินให้กับพลังงานทดแทนลงใน 3 ปี และถ้าจำเป็นสามารถขอต่ออายุการชดเชยได้อีก 2 ครั้ง (ครั้งละ 2 ปี ) จากนั้นจะไม่มีการชดเชยให้กับพลังงานทดแทนอีก ซึ่งตามแผนกระทรวงพลังงานจะมีการเสนอกฎหมาย พ.ร.บ.พลังงานทดแทน ขึ้นมาใหม่ หลังจากเคยทำเรื่องเสนอ ครม. แต่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งจะมีการเสนอให้จัดตั้งขึ้นใหม่หรือไม่ ขึ้นกับความเห็นชอบของรัฐบาลชุดใหม่. -สำนักข่าวไทย