อย.21 พ.ค.-ประชาชนแห่แจ้งนิรโทษครอบครองกัญชาวันสุดท้าย ที่ อย. ล้นหลาม คาดทะลุเกิน 1,000 คน
วันนี้(21 พ.ค.) ซึ่งเป็นเป็นวันสุดท้ายที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เปิดให้ประชาชนแจ้งครอบครองกัญชาโดยไม่ต้องรับโทษ ภายใน 90 วัน หลังพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษมีผลบังคับใช้ หรือเริ่มแจ้งได้ตั้งแต่วันที่ 27กุมภาพันธ์ -21 พฤษภาคม 2562 โดยประชาชนที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานครแจ้งได้ที่อาคารสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กองควบคุมวัตถุเสพติด ศูนย์บริการผลิตภัณฑ์สุขภาพเบ็ดเสร็จ (One Stop Service Center ) ชั้น 2 ส่วนภูมิภาคแจ้งที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ที่กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค ตามที่ผู้ป่วยพำนัก โดยจะให้บริการถึงเวลา 16.30 น.
บรรยากาศที่ อย.ตั้งแต่ช่วงเวลา 08.30 น.เป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนเดินทางมายื่นขอนิรโทษครอบครองกัญชาจำนวนมาก ต้องต่อคิวยาวหลายร้อยคน ซึ่ง อย.ได้ตั้งเต็นท์บริเวณด้านหน้าตึก 6 ศูนย์บริการสุขภาพเบ็ดเสร็จเพิ่มเติมให้ผู้ที่มารอลงทะเบียนเพิ่มเป็น 3 หลัง เพื่อให้ผู้มาแจ้งได้นั่งรอ เพราะห้องที่ใช้รับแจ้งบริเวณชั้น 2 มีพื้นที่จำกัด โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจเอกสาร เรียกจัดลำดับคิว รวมถึงมีน้ำดื่มคอยให้บริการด้วย
จากการสอบถามประชาชนที่มาส่วนใหญ่ระบุว่าเป็นผู้ป่วยด้วยโรคต่างๆจำเป็นต้องใช้น้ำมันกัญชาในการรักษา และบางคนใช้สูบเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากโรค ซึ่งผ่านมา 1 ชั่วโมงครึ่ง ณ เวลา 10.00 น. มีผู้มายื่นขอลงทะเบียนแล้วเกิน 500 ราย
นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย. ) กล่าวว่า ขณะนี้ยอดผู้แจ้งครอบครองกัญชาทั่วประเทศมีประมาณ 16,000 ราย วานนี้(20 พ.ค.) ถือเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ไม่ได้มีการเปิดรับแจ้งครอบครอง หากเปิดรับแจ้งก็จะครบกำหนด 90 วันตามกฎหมาย จึงทำการเปิดให้บริการเพิ่มวันนี้ อีกเพียงวันเดียวเท่านั้น โดยเมื่อวันเสาร์มีผู้มาแจ้งการครอบครองที่ อย.มากถึง 850 ราย ซึ่งวันสุดท้ายของการปิดรับลงทะเบียนแจ้งครอบครองกัญชา อย.ยืนยันจะไม่ขยายเวลาให้ ทำให้คาดว่าวันนี้จะมีประชาชนมาแจ้งครอบครองมากกว่า 1,000 คน
สำหรับผู้มาแจ้งครอบครองกัญชากับ อย.จะไม่ได้รับโทษหลังจากนี้ แต่ปริมาณการครอบครองน้ำมันกัญชา ต้องมีปริมาณอยู่ตามที่แจ้งระบุไว้ในการยื่นครอบครอง หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายหลังแล้วพบว่ามีเกินจำนวนกว่าที่แจ้งไว้ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย และส่วนตัวเชื่อว่า 4-5 เดือนหลังจากนี้ จะไม่มีต้นกัญชาที่ปลูกเอง หรือมีน้ำมันกัญชาใต้ดิน
อย่างไรก็ตามหลังเวลา16.30 น.วันนี้จะรวบรวมยอดผู้ที่มาแจ้งครอบครองทั้งหมด และจะต้องรอข้อมูลจากทางสภากาชาดไทยที่เปิดเว็บไซต์ให้แจ้งข้อมูลการใช้กัญชา ว่าจะมีจำนวนอีกมากน้อยเท่าไร ซึ่งขณะนี้ อย.ยังไม่เห็นข้อมูลในระบบ จึงต้องรอข้อมูลจากทางสภากาชาดไทยก่อนเพื่อให้รู้ถึงจำนวน คนยื่นเอกสารครบไม่ครบเป็นเท่าไรเพื่อวางระบบบริหารจัดการในการให้ขึ้นทะเบียนเพื่อครอบครองโดยไม่ต้องรับโทษ
นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายวันนี้องค์การเภสัชกรรม(อภ.)และกรมการแพทย์ จะหารือร่วมกันในเวลาประมาณ 13.00 น.เพื่อทำความเข้าใจรายละเอียดในการบริหารจัดการ ‘น้ำมันกัญชา’ ล็อตแรกที่ อภ.จะสกัดและผลิตขึ้นจำนวน 2,500 ขวด ในช่วงปลายกรกฎาคมถึงต้นสิงหาคมนี้ เพื่อใช้โครงการวิจัยที่มีกรมการแพทย์ดูแล และ อย. โดยกระบวนการหลังจากนี้ อย.อยู่ระหว่างการประกาศรายชื่อแพทย์แผนปัจจุบัน,แพทย์แผนไทย หมอพื้นบ้าน,เภสัชกร ที่สามารถจะสั่งจ่ายยากัญชาที่ถูกต้อง ตามกฎหมาย โดยจะมีการประกาศผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของ อย. ขณะนี้มีเพียงรายชื่อแพทย์แผนปัจจุบัน ของกรมการแพทย์เท่านั้น ที่ประกาศอยู่บนเว็บไซต์ อย.
ส่วนน้ำมันกัญชาขององค์การเภสัชกรรมล็อตแรก เบื้องต้นจะทำการผลิต ปลายเดือนกรกฎาคมนี้ หากผลิตเสร็จ อภ.ต้องส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันกัญชา มาให้ อย.ตรวจสอบและรับรอง ก่อนที่จะนำมาใช้กับผู้ป่วย เบื้องต้นกลุ่มผู้ป่วยที่จะใช้น้ำมันกัญชาล็อตแรกจาก อภ.จะอยู่ในกลุ่มผู้ป่วยทางการ แพทย์ 4 กลุ่มโรคหลัก ซึ่งเป็นไปตามหลักว่ากัญชามีประโยชน์ทางการรักษาโรคชัดเจน โดยมีผู้ป่วยแจ้งไว้แล้ว ประมาณ 100 คน จากนั้นจะเป็นการพิจารณาสั่งจ่ายน้ำมันกัญชาให้กับกลุ่มผู้ป่วยอื่นๆ ในเพื่อช่วยรักษา อาการประคับประคอง ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น และต้องอยู่ภายใต้คำวินิจฉัยของแพทย์
สำหรับกลุ่มที่จะได้รับการนิรโทษ ต้องแจ้งการครอบครองกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ ภายใน 90 วัน หลังพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษมีผลบังคับใช้ หรือเริ่มแจ้งได้ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 21 พฤษภาคม 2562 โดย 7 กลุ่มที่จะได้รับการนิรโทษ ได้แก่
1.หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย ให้บริการ หรือจัดการเรียนการสอนทางแพทย์ เภสัชศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือเกษตรศาสตร์ หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่ป้องกันปราบปรามยาเสพติด หรือสภากาดไทย
2.ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เภสัชกรรม ทันตกรรม สัตวแพทย์ชั้นหนึ่ง แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือหมอพื้นบ้าน
3.สถาบันอุดมศึกษาที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย หรือจัดการเรียนการสอนทางแพทย์
4.เกษตรกรที่รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน หรือสหกรณ์การเกษตร แต่จะครอบครองได้ ต้องมีหน่วยงานรัฐตามข้อ 1 หรือสถาบันอุดมศึกษา ตามข้อ 3 ร่วมมือและกำกับดูแล
5.ผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะระหว่างประเทศ
6.ผู้ป่วยเดินทางต่างประเทศ ที่จำเป็นต้องนำกัญชาติดตัว เข้าหรือออกราชอาณาจักร
7.ผู้ขออนุญาตตามที่รัฐมนตรีเห็นชอบ
ในกรณีไม่ได้รับอนุญาตให้ยาเสพติดให้โทษนั้นตกเป็นของกระทรวงสาธารณสุข หรือให้ทำลาย.-สำนักข่าวไทย