อุบลราชธานี 14 พ.ค.-ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย อาการทรุดตัดสินใจเข้ารับการรักษาด้วยน้ำกัญชาสกัด พบอาการป่วยดีขึ้นผิดหูผิดตา
วันนี้ ผู้สื่อข่าวจังหวัดอุบลราชธานี เข้าพิสูจน์ความจริงกับนางละม้าย ชาวชายโขง อายุ 65 ปี ข้าราชการครูบำนาญ ที่บ้านไผ่ใหญ่ ต.ไผ่ใหญ่ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี โดยนางละม้าย และนายวิเชียร สามีภรรยา เล่าให้ฟังว่า เริ่มป่วยไม่ทราบสาเหตุเมื่อราวปี 2552 ก็ได้เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ซึ่งขณะนั้น แพทย์สงสัยเป็นไทรอยด์ หรือทอนซิล เพราะมีอาการเหนื่อยและผิดปกติที่ลำคอ แต่เมื่อแพทย์นำชิ้นเนื้อไปตรวจ ไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่ยังป่วย ลูกทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ จึงพาไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลรัฐในกรุงเทพฯแห่งหนึ่ง เมื่อปี 53 กระทั่งทราบว่า นางละม้ายป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ลำคอด้านซ้าย แพทย์ส่งไปให้แพทย์เฉพาะทางรักษา ผ่าตัดเอาชินเนื้อร้ายออก รักษาด้วยเคมีบำบัดควบคู่กัน
นางละม้าย เป็นครูสอนโรงเรียนประถมในอำเภอม่วงสามสิบ เออรี่ออกจากราชการมารักษาตัว เพราะต้องไปพบแพทย์ตามที่นัดทุกครั้ง ปรากฏปี 57 กลับป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองอีก และการป่วยเริ่มลามไปยังไหล่ แพทย์วินิจฉัยป่วยจากเชื้อมะเร็งอีกชนิดหนึ่ง จึงต้องรับเคมีบำบัดและตรวจรักษาต่อเนื่องจนถึงปี 59 ต่อมาปี 2561 พบว่า มะเร็งลุกลามจากระยะที่ 2 และ 3 กลายเป็นป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายขั้น 4 เชื้อลามเข้าไปในทรวงอกและ หน้าท้อง ต้องเข้ารับเคมีบำบัดเป็นระยะตามแพทย์สั่ง กระทั่งต้นเดือนเมษายน 2562 แพทย์ที่ให้การรักษา ระบุว่า ร่างกายผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยการทำคีโมแล้ว พร้อมส่งตัวไปฉายแสง แต่ระหว่างนั้น สภาพร่างกายผู้ป่วยเริ่มทรุด เกร็ดเลือดต่ำ แพทย์นัดฉายแสงเดือนมิถุนายนที่จะถึง นางละม้าย จึงบอกกับนายวิเชียร สามีให้พากลับมาตายที่บ้าน เพราะอาการหนัก ไข้สูง กินน้ำและอาหารไม่ได้
นายวิเชียร จึงตัดสินใจโทรถามคนรู้จัก ที่เคยแนะนำให้ลองนำน้ำกัญชาสกัดใช้รักษามะเร็ง เพราะเป็นหนทางสุดท้ายที่จะช่วยภรรยาของตนเอาไว้ได้ เมื่อได้รับน้ำกัญชาสกัดมาจากเพื่อน และกำลังนำภรรยาขึ้นรถกลับบ้านเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ระหว่างทาง หยอดน้ำมันกัญชาให้ภรรยาอมไว้ใต้ลิ้น เมื่อกลับมาถึงบ้านปรากฏไข้ของนางละม้าย ที่สูง 35 องศาเซลเซียสติดต่อกันมา 8-9 วัน ได้หายไป นางละม้ายมีสีหน้าดีขึ้น ไม่เจ็บปวดทุรนทุรายเหมือนช่วงที่ยังอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่นั้น ก็ได้ให้น้ำมันกัญชาให้นางละม้ายอมไว้ใต้ลิ้น รวมทั้งนำน้ำมันมาทาบริเวณแผลติดต่อกันราว 2 สัปดาห์ อาการปวดบวมจากแผลมะเร็งที่แตกและลุกลามจากลำคอฝั่งหนึ่งไปฝั่งหนึ่ง และยังลามไปที่ทรวงอก ลดลงอย่างน่ามหัศจรรย์ ซึ่งขณะนั้นใช้นำมันกัญชาไปได้ราว 15 ซีซี จึงขอน้ำมันกัญชาจากเพื่อนมาใช้รักษาเพิ่มจนถึงวันนี้ใช้น้ำมันกัญชาไปแล้วเกือบ 30 ซีซี ปรากฏนางละม้ายภรรยา ซึ่งเมื่อกลางเดือนเมษายนยังทรุดหนัก และเพื่อนบ้านที่มาเยี่ยมทุกคนต่างบอกว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน ลุกขึ้นมากินข้าวกินน้ำได้ตามปกติ แผลที่เคยปวดบวมบริเวณลำคอและลามไปถึงหน้าอก ก็ยุบ
วันนี้ นางละม้ายเดินออกไปเก็บเห็ดจากป่าในหมู่บ้าน เพื่อนำมาทำกินได้แล้ว ส่วนน้ำมันกัญชาที่เหลือ ยังนำมาใช้รักษาอาการต่อไป จนกว่าจะครบ 90 วัน ตามที่ได้รับคำแนะนำคือ ให้ใช้น้ำมันกัญชารักษาโรคนี้ราว 60 ซีซีใน 90 วัน เมื่อถึงเดือนมิถุนายน จะไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลที่นัดดูอาการ เพื่อให้ตรวจดูเกร็ดเลือด แต่คงไม่ฉายแสง ตามที่เคยได้รับคำแนะนำแล้ว เพราะเชื่อว่าการใช้น้ำมันกัญชารักษาให้หายป่วยจากโรคนี้ได้.-สำนักข่าวไทย