กรุงเทพฯ 12 พ.ค.-“กฤษฎา”เดินหน้าโครงการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ (Mega Farm Enterprise) 10 แปลงเป็นต้นแบบ สานนโยบายประชารัฐรวมกลุ่มเกษตรกร ภาคเอกชน เน้นลดต้นทุน นำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และแบ่งปันผลกำไรอย่างเท่าเทียม
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ได้รับรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการโครงการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ (Mega Farm Enterprise) เพื่อเพิ่มรายได้เกษตรกรว่า ได้เร่งดำเนินแนวทางบริหารจัดการพื้นที่จัดทำโครงการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ต้นแบบ 10 แปลง ขยายผลมาจากนโยบายเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อเป็นกลไกปฏิรูปภาคการเกษตร ช่วยให้เกษตรกรสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการมีช่องทางการจำหน่ายผลผลิตที่แน่นอนขึ้น ช่วยลดต้นทุนการผลิต และยังช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองในการซื้อปัจจัยการผลิตและขายผลผลิตอีกด้วย ขนาดพื้นที่วิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ กำหนดให้มีขนาดพื้นที่ติดกันรวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 500 ไร่ ขึ้นไป เพื่อก่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาดจากการผลิต (Economy of Scale) ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ภาคเอกชนกับเกษตรกรจะตกลงหารือร่วมกันก่อนว่าจะทำการเกษตรชนิดไหนหรือจะปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์อะไรที่เป็นความต้องการของตลาด หมดปัญหาการขายผลผลิตไม่ได้ เป็นไปตามนโยบาย “การตลาดนำการผลิต”
“การบริหารจัดให้เกษตรกรเจ้าของที่ดินจะใช้ที่ดินของตนเองลงทุนร่วมกันในวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ เหมือนการร่วมกันทำนาด้วยการลงแขกในอดีต มีข้อตกลงให้เอกชนลงทุนออกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องมือ เครื่องจักร หรือแนะนำวิธีการทำเกษตรกรรมสมัยใหม่และหรือรับซื้อผลผลิตของวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ โดยมีการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม โดยได้เริ่มโครงการในฤดูกาลผลิตใหม่นี้”รมว.กระทรวงเกษตรฯกล่าว
สำหรับแปลงที่เอกชนตกลงร่วมมือแล้วได้แก่ แปลงใหญ่มันสำปะหลังร่วมกับบริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด แปลงใหญ่อ้อยโรงงานร่วมกับบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด แปลงใหญ่สับปะรด ร่วมกับบริษัท สวิฟท์ จำกัด แปลงใหญ่พืชอาหารสัตว์ร่วมกับบริษัท F& N แปลงเกษตรผสมผสาน ร่วมกับบริษัท สวิฟท์ จำกัด / บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัท แดรี่โฮม จำกัด
แปลงโคนมร่วมกับบริษัท แดรี่พลัส จำกัด ส่วนที่เหลือมอบหมายหน่วยงานที่รับผิดชอบประสานภาคเอกชนให้สัมฤทธิผลโดยเร็ว ล่าสุดกรมการข้าวได้กำหนดพื้นที่แปลงใหญ่ข้าวเพิ่มเติม 2 แปลงคือกลุ่มนาแปลงใหญ่ตำบลโพนข่า อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ เกษตรกร 90 ราย พื้นที่ 1,200 ไร่ ปลูกข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ร่วมกับบริษัทเจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด กลุ่มนาแปลงใหญ่สหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก เกษตรกร 100 ราย พื้นที่ 2,000 ไร่ ปลูกข้าวเพื่อสุขภาพพันธุ์ กข 43 เป็นแปลงร่วมกับบริษัท ซีพี จำกัด
ทั้งนี้กระทรวงเกษตรฯ จะรวบรวมกลุ่มเกษตรกรที่เป็นเจ้าของที่ดินเพื่อจดทะเบียนเป็นสหกรณ์การเกษตร หรือวิสาหกิจชุมชน แล้วแต่งตั้ง “ผู้จัดการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่” โดยคัดเลือกจากเกษตรกรเจ้าของที่ดินที่มีศักยภาพ และต้องการทำการเกษตรเอง หรือคัดเลือกจากบุตร/หลานเกษตรกรในพื้นที่ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการเกษตรกรรมขณะเป็นทหารกองประจำการของกองทัพภาคต่างๆ/คัดเลือกบุตรหลานของเกษตรกรเจ้าของที่ดินที่ผ่านการอบรมหลักสูตรเกษตรสมัยใหม่ (Smart Farmer) ของกรมส่งเสริมการเกษตรมาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการประจำวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ ส่วนการจำหน่ายผลผลิต มอบหมายให้สหกรณ์การเกษตร หรือวิสาหกิจชุมชน ทำหน้าที่เป็นตัวแทนเกษตรกรรวบรวมผลผลิตในโครงการขายให้กับภาคเอกชน หรือส่งไปจำหน่ายในตลาด รวมทั้งส่งออกไปขายต่างประเทศ หรือขายในระบบออนไลน์ เป็นต้น อีกทั้งส่งเสริมการยกระดับมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตจากวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ ด้วยเชิญชวนภาคเอกชนเข้ามาตั้งโรงงานรวบรวมผลผลิต หรือตั้งโรงงานแปรรูปผลผลิตของโครงการโดยตรงในลักษณะอุตสาหกรรมการเกษตร-สำนักข่าวไทย