วธ.24 ส.ค.- ประชุม 5 ผู้นำศาสนา ทำความเข้าใจ ป้องกันการบิดเบือน หลัง คสช.ออกคำสั่ง ม.44 อุปถัมภ์-คุ้มครอง ศาสนา พร้อมกำหนด 3 แนวทางส่งเสริมความเข้าใจและสร้างความสมานฉันท์ของศาสนิกชนทุกศาสนา
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า จากการประชุมพิจารณาคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามความในมาตรา 44 ที่ 49/2559เรื่องมาตราการอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนาต่างๆในประเทศไทย ได้มอบหมายให้กรมการศาสนา รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องของศาสนาเพื่อกำหนดมาตรการและกลไกการส่งเสริมความเข้าใจอันดีและความสมานฉันท์ของศาสนิกชนทุกศาสนา เพื่อหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามคำสั่งของ คสช. ประกอบด้วย 3 แนวทางหลัก ได้แก่ แนวทางและการปฏิบัติที่กรมการศาสนาได้ดำเนินการทำนุบำรุง ศาสนา 5 ศาสนา ได้แก่ พุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู และซิกข์ ทั้งด้านการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนเกี่ยวกับการเผยแผ่ศาสนานำหลักธรรมคำสอนไปใช้ในชีวิตประจำวัน
2.ประเด็นความขัดแย้ง ตลอดจนการลบลู่ดูหมิ่นศาสนา ความคิดเห็นต่างทั้งในและต่างศาสนา รวมทั้งความคิดเห็นต่างที่ปรากฏในสื่อโซเซียลมีเดีย เพื่อกำหนดแนวทางการจัดการและ 3 เชิญผู้นำ และผู้แทนองค์การศาสนา 5ศาสนา ร่วมหารือ ประมวลปัญหา แฃะข้อเสนอแนะเพื่อใช้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหา เพื่อกำหนดแนวทางในภาพรวมนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านนายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา แถลงภายหลังการประชุมทำความเข้าใจ 5 ผู้นำทางศาสนา หลังคสช.ใช้ ม.44 อุปภัมภ์ค้มครองศาสนา ว่า ผู้แทนทั้ง5 ศาสนา ทั้ง พุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู ซิกข์ รู้สึกมั่นใจและชื่นชมที่คสช.ให้ความสำคัญกับบทบาทของทุกศาสนาอย่างแท้จริง อันจะทำให้ประสิทธิภาพของการเผยแผ่หลักคำสอนมีมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาทุกศาสนาต่างมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันอย่างต่อเนื่องอยู่แล้วอย่างสมานฉันท์
ส่วนประเด็นที่มีการบิดเบือน ผู้นำทุกศาสนามีความเห็นร่วมกันในการตั้งคณะกรรมการลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจให้ถูกต้อง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ที่มีการให้ข่าวเกี่ยวกับการทำประชามติ ร่างรัฐธรรมฉบับนี้ จะไม่ส่งเสริมศาสนาอิสลาม ผู้แทนจุฬาราชมนตรี ได้กล่าวต่อที่ประชุมวันนี้ว่า รู้สึกเป็นห่วง และ เตรียมลงพื้นที่ไปทำความเข้าที่ถูกต้อง ว่าการที่คสช.ออกม.44 อุปภัมภ์ค้มครองศาสนาแสดงให้เห็นว่าให้ความสำคัญกับทุกศาสนา อย่างไรก็ตามหลังการประชุมกรมการศาสนาจะรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมครม.ต่อไป .-สำนักข่าวไทย