รวบสาวทอมตีสนิทผู้เสียหายก่อนขโมยเงินสด 2.3 ล้าน

ภูเก็ต 9 เม.ย. – ตำรวจภูเก็ตจับกุมสาวทอม อดีตเซลส์ขายบ้าน ก่อเหตุบุกบ้านเศรษฐีคนรู้จักเข้าไปลักทรัพย์ ได้เงินสดไปถึง 2.3 ล้านบาท ก่อนนำเงินไปใช้หนี้และเที่ยวเตร่เลี้ยงเพื่อน 500,000 บาท พร้อมถอยรถกระบะป้ายแดงมาขับ โดยอ้างว่าถูกหวย


เมื่อวานนี้ (8 เม.ย.) ที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตำรวจแถลงผลการจับกุม น.ส.ธนพัต หวังสง่า อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดกระบี่ ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์เงินสด จำนวน 2.3 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ตามจับกุมได้ บริเวณ ถ.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ขณะคนร้ายกำลังขับรถกระบะป้ายแดงที่เพิ่งซื้อมา จะออกจากตัวเมืองภูเก็ต มุ่งหน้าไปเที่ยวที่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ก่อนขยายผลเข้าตรวจค้นบ้านเช่า พบเงินสดจำนวนหนึ่งในตู้เสื้อผ้า รถกระบะ 1 คัน ราคา 1.2 ล้านบาท และรถจักรยานยนต์ รวมถึงเสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุ จากนั้นติดตามเงินสดอีกจำนวน 1,039,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ติดตามกลับมาได้เพียง 2.25 ล้านบาท ส่วนเงินอีก 500,000 บาท ผู้ต้องหาอ้างว่านำไปเที่ยวเตร่และเลี้ยงเพื่อนหมดแล้ว


การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา น.ส.อนุสรา แก้วโสภาค ผู้เสียหาย ได้แจ้งความ สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต ว่าถูกคนร้ายงัดแงะบ้าน และนำเงินสดไป 2.3 ล้านบาท ซึ่งเงินดังกล่าวจะนำไปเซ้งกิจการร้านคาราโอเกะที่หาดกะตะ ตำรวจจึงสืบสวนและได้ภาพจากกล้องวงจรปิดจากบ้านบริเวณใกล้เคียง กระทั่งพบภาพ น.ส.ธนพัต มีพฤติกรรมต้องสงสัยอยู่บริเวณใกล้เคียงบ้านผู้เสียหาย ตำรวจจึงขยายผลตรวจสอบประวัติ พบว่าผู้ต้องหาเคยมีประวัติติดคุกคดีลักทรัพย์ ก่อนพบข้อมูลว่า ระยะหลังมีการออกรถป้ายแดงด้วยเงินสด 1.2 ล้านบาท รวมถึงมีเงินเที่ยวเตร่เลี้ยงเพื่อน แถมอ้างคนรู้จักว่าถูกรางวัลที่ 1 ได้เงินมา 6 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบไปยังสำนักงานสลากฯ แต่ไม่พบชื่อ น.ส.ธนพัต มาขึ้นเงิน จึงขอศาลอนุมัติหมายจับ และตามจับกุมตัวมาสอบสวน จึงรับสารภาพก่อเหตุงัดบ้านผู้เสียหายจริง โดยนำเงินไปใช้เที่ยวเตร่ และบางส่วนนำไปใช้หนี้


ด้าน น.ส.อนุสรา ผู้เสียหาย บอกว่า เงินทั้งหมดเป็นเงินที่แม่ขายที่ดินมาได้ โดยเก็บไว้ในตู้ภายในบ้าน เพื่อเตรียมนำไปเซ้งร้านในวันที่ 5 เมษายน แต่ทว่าก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 4 เมษายน บ้านถูกงัดและเงินหายไป จึงไปขอดูกล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้าน กระทั่งพบสาวทอมเข้าไปบ้านแม่ และเดินทางมาบ้านตน จึงมั่นใจว่าเป็นคนร้ายแน่นอน ก่อนแจ้งตำรวจติดตามตัวมาดำเนินคดี ทั้งนี้ ยอมรับว่าเคยรู้จักกับผู้ก่อเหตุ เพราะเคยขายบ้านให้กับแม่ตนเองมาก่อน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”