fbpx

กกต.แจงประกาศผลเลือกตั้งไม่ได้ มีเหตุร้องเรียนผู้ชนะ 66 เขต

กกต. 5  เม.ย.- “ปกรณ์” แจงเหตุประกาศผลเลือกตั้งไม่ได้ เพราะกฎหมายกำหนด   มีผู้ชนะการเลือกตั้งใน 66 เขตถูกร้องเรียน   หากสั่งเลือกตั้งใหม่  คะแนนยังไม่นิ่ง จึงยังไม่คำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์  ย้ำไม่มีสูตร แต่ยึดตามกฎหมาย  ไม่วิตกถูกถอดถอน เป็นบุคคลสาธารณะต้องยอมรับ  


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 เม.ย.) นายปกรณ์ มหรรณพ และนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  ได้มาร่วมพูดคุยกับสื่อมวลชน ขอให้แยกแยะการทำงานระหว่างสำนักงาน กกต. และ กกต. เพราะกฎหมายใหม่ให้กกต.มีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายบทบาทเท่านั้น   ภารกิจสำคัญของ กกต. คือทำให้การเลือกตั้งสุจริต เที่ยงธรรม โดยพยายามที่จะสืบสวนสอบสวนเรื่องที่มีการร้องเรียนในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะมาจากประชาชน หรือฝ่ายไหน   

“เราพร้อมถูกวิพากษ์วิจารณ์ ยืนยันว่ามีหลายเรื่องที่เราไม่สามารถทำได้ เพราะกฎหมายไม่ให้อำนาจ เช่น เรื่องการประกาศผลการเลือกตั้งในเขตที่ไม่มีการร้องเรียน หรือตรวจสอบแล้วที่มีหลายเขต   แต่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 127 ไม่ให้อำนาจ กกต.ทำเช่นนั้น” นายปกรณ์ กล่าว


นายปกรณ์   กล่าวว่า ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนเกือบ 300 เรื่อง ได้เร่งรัดให้สำนักงานดำเนินการสอบสวน โดยในจำนวนนี้มีผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดใน 66 เขต ถูกร้องเรียน   ต้องตรวจสอบทั้งหมด และ  กกต.มีการสั่งให้นับคะแนนใหม่ในจังหวัดขอนแก่น 2 หน่วยเลือกตั้ง และสั่งเลือกตั้งใหม่ใน 6 หน่วยเลือกตั้ง ใน  5 จังหวัด ทั้งหมดจะมีผลต่อการประกาศผล รวมถึง คะแนนที่จะนำมาคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

นายปกรณ์ ยืนยันว่า การคิดคำนวณจำนวน  ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ไม่มีสูตร 1, 2 , 3   แต่มีวิธีเดียวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ประกอบพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง  ส.ส. มาตรา 128 129 โดยก่อนที่สำนักงาน  กกต.จะเสนอให้ กกต.พิจารณา  และเพื่อให้เกิดความรอบคอบ  จึงเชิญคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มาให้ความเห็น ซึ่งแนวทางก็สอดคล้องกัน และสำนักงาน กกต.ได้ขอหลักฐานจาก  กรธ.ซึ่งมีการคำนวณรองรับทุกกรณีที่อาจจะเกิดขึ้นได้   แม้กระทั่งการคิดคำนวณหากประกาศ ส.ส.ที่ร้อยละ 95 

นายปกรณ์ กล่าวว่า แต่ที่ กกต.ยังไม่ประกาศว่า คำนวณได้เท่าไร    เพราะขณะนี้คะแนนทั่วประเทศที่จะนำมาใช้คำนวณ จะยังมีการเปลี่ยนแปลงจากการสั่งนับคะแนนใหม่ และเลือกตั้งใหม่   โดยเฉพาะเรื่องร้องเรียนผู้ได้รับคะแนนสูงสุด 66 เขต ถ้าสอบสวนแล้วเป็นจริง จะมีผลต่อการให้ใบส้ม  คือ ระงับสิทธิสมัครชั่วคราว 1 ปี คะแนนที่จะมาคำนวณจะต่างไปทันที ถ้าประเด็นเหล่านี้ยุติลงเมื่อไร  เราประกาศผล  ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ภายใน 10 นาที


“อยากให้สบายใจ   ทั้งหมดเรากำลังเร่งทำ และพิสูจน์ว่าการเลือกตั้งสุจริตและเป็นธรรม   ท่านใดที่เห็นว่าไม่สุจริต ไม่เป็นธรรม ให้ร้องเรียนมาเลย ถ้าเราสอบสวนไม่ชัดเจน ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย   ก็ค่อยมากล่าวหาเราได้ ยืนยันเราไม่ได้ลอยตัว   เราทำงานตลอด เมื่อเรามาเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว เราพร้อมถูกวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ได้เสียกำลังใจ” นายปกรณ์ กล่าว   

นายปกรณ์ กล่าวว่า   การเรียกร้องให้ลาออก การยื่นถอดถอนเป็นสิทธิ เรารับฟัง แต่หน้าที่ของเราคือ ต้องทำให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม ทำให้สำเร็จ และเมื่อถึงวันนั้น เราจึงค่อยมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถามว่า ปัญหาเรื่องสูตรต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่   นายปกรณ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดกันไปถึงตรงนั้น เรามีวิธีคิดและให้สำนักงานไปดำเนินการ  ข้อถกเถียงทางกฎหมายในขณะนี้ ต้องการให้ทุกคนอย่าตีความตามเป็นคำๆ   แต่ให้ตีความเป็นบรรทัด 

 นายปกรณ์ ยืนยันว่า กกต.ไม่มีความกังวลเรื่องวิธีคิด แต่ที่ไม่สามารถตอบได้ เพราะขณะนี้วงเล็บหนึ่ง วงเล็บสองเรื่องคะแนนรวมยังไม่เป็นที่ยุติเลย ถ้าถึงเวลาจะตอบได้ทันที และขณะนี้ได้ในสำนักงานทำไว้ทุกรูปแบบเผื่อไว้แล้ว

“เคยมีคนพูดว่า ตรงนี้  ที่มาพูดและแถลงต่อสื่อมันน่ากลัวมาก   แต่เมื่อผมมาพบกับพวกเราแล้ว ไม่น่ากลัวเลย คำถาม ข้อวิจารณ์ต่างๆ ทั้งจากนักวิชาการ   ทำให้รู้ว่า กล่าวหาเรามาตราไหน จะได้นำไปคิดพิจารณา ว่าผิดตามที่เขาว่าหรือไม่   ถือว่าเป็นประโยชน์มาก เวลานี้เหลืออีกไม่กี่วัน จะรีบทำงานให้เสร็จ   ก่อนวันที่ 9 พฤษภาคม  เราต้องประกาศรับรอง  ส.ส.ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 หรือ 333 เขต อีก 17 เขตถ้าไม่เสร็จก็จะทำต่อไป”  นายปกรณ์ กล่าว           ..- สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มหาวิทยาลัยแจงเหตุ นศ.สาวปี 3 แทงแฟน นศ.ปี 1 สาหัส

มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีนักศึกษาหญิงทำร้ายนักศึกษาชาย ในหอพักจนบาดเจ็บสาหัส ด้านตำรวจยืนยันนักศึกษาหญิงที่ก่อเหตุมอบตัวแล้ว ยอมรับเป็นแฟนและทะเลาะกัน

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

ข่าวแนะนำ

คุมเพลิงไหม้ “วิน โพรเสส” ได้แล้ว 95%

เหตุไฟไหม้โรงงานเก็บขยะเคมีอันตราย วินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง วันนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้แล้ว 95% เหลือเพียงจุดความร้อนที่อยู่ใต้ซากกองเพลิง ซึ่งยังต้องใช้สาร F500 ฉีดลดความร้อน แต่ยังมีกลิ่นฉุนแอมโมเนีย ด้านกรมโรงงานอุตสาหกรรมเช็กกล้องวงจรปิดตรวจสอบว่าเป็นการวางเพลิงเพื่อทำลายหลักฐานเช่นเดียวกับเหตุที่เกิดขึ้นใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา หรือไม่

นายกฯ แจงเรียก “สุชาติ-รัฐมนตรี” เข้าพบ แค่ตามงาน

นายกฯ อารมณ์ดี เดินลงตึกไทยฯ พบสื่อ แจงเรียก “สุชาติ-รมต.” มีชื่อหลุด ครม.เข้าพบแค่ตามงาน ย้ำปรับ ครม.เสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้ ยันกินข่าวเที่ยงวานนี้ไม่มี ”ทักษิณ“

รวบ 2 ใน 4 อุ้มฆ่าหนุ่มไทใหญ่ทิ้งป่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

รวบแล้ว 2 ใน 4 ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า “จ๋อมวัน” หนุ่มไทใหญ่ ก่อนนำศพไปทิ้งในป่าที่ จ.เชียงใหม่ ปมสังหารอ้างไม่พอใจถูกแซวเรื่องหญิงคนสนิท

ดวงอาทิตย์ตั้งฉาก กทม.ครั้งแรกของปี

วันนี้เป็นครั้งแรกของปีที่ดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับพื้นที่ กทม. ส่งผลให้ดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านใกล้จุดเหนือศีรษะ หรือตั้งฉากกับพื้นที่บริเวณต่างๆ ของไทย 2 ครั้งต่อปี คือช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. และเดือน ก.ค.-ก.ย.