“กฤษฎา” สั่งด่วนตั้งชุดเฝ้าระวังเผาพื้นที่เกษตร

กรุงเทพฯ 1 เม.ย. – รมว.เกษตรฯ สั่งด่วนตั้งชุดปฎิบัติการประจำพื้นที่ภาคเหนือ-อีสาน เฝ้าระวังการเผาเศษซากพืชในพื้นที่เกษตร เพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควัน

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้สั่งการด่วนที่สุดถึงปลัดกระทรวงเกษตรฯ ให้มอบหมายสำนักงานเกษตรจังหวัดเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบหลักในการเสนอแผนงานและอำนวยการป้องกันแก้ไขปัญหาการเผาเศษซากพืช หรือวัชพืช หรือเศษวัสดุการเกษตรประจำจังหวัดร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อบรรเทาสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอื่น ๆ ทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยให้เกษตรอำเภอเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำพื้นที่ เพื่อออกตรวจ ป้องปราม ระงับ ยับยั้ง แจ้งเหตุการณ์เผาเศษซากพืช วัชพืช หรือเศษวัสดุทางการเกษตร โดยมีนายอำเภอทำหน้าที่อำนวยการ รวมถึงให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ในจังหวัดส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมปฎิบัติการเป็นชุดปฎิบัติการประจำพื้นที่ด้วย เช่น ชลประทาน พัฒนาที่ดิน ปศุสัตว์ ฯลฯ ให้ใช้เครือข่ายเกษตรกรของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ตำบลเป็นหน่วยเฝ้าระวังป้องกันและปลุกจิตสำนึกในการไม่เผาเศษซากพืชฯ ให้ครอบคลุมพื้นที่ทำการเกษตรภายในแต่ละอำเภอ นอกจากนี้ให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัดจัดประชุมหารือเรื่องการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ในที่ประชุมคณะอุนกรรมการพัฒนาเกษตรและสหกรณ์ (อ.พ.ก.) จังหวัดด้วย 

นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า การป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าครั้งนี้เป็นภารกิจที่สำคัญของชาติ ดังนั้น หน่วยราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ จึงต้องให้การสนับสนุนทุกกรณี อย่างไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นจะผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยและการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชนเป็นวงกว้าง อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นอันตรายต่อการเดินทาง และทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์สภาวะอากาศตั้งแต่วันที่  29 มีนาคม – 4 เมษายน 2562 ว่า ยังไม่มีกระแสลมที่พัดแรงขึ้นหรือฝนตกในพื้นที่ ทำให้เกิดการสะสมตัวของฝุ่นละอองและหมอกควัน พร้อมกันนี้กำชับให้ผู้ตรวจราชการทุกเขตไปตรวจติดตามการปฎิบัติงานแก้ไขปัญหาการเผาเศษซากพืชและวัชพืช หรือเศษวัสดุการเกษตรในพื้นที่ด้วย โดยประเมินผลงานจากจุดความร้อน ซึ่งต้องไม่เกิดขึ้นในพื้นที่ทำการเกษตร จึงจะถือว่าการทำงานของจังหวัดนั้น ๆ ประสบผลสำเร็จ หากพบว่ามีปัญหาอุปสรรคใด ๆ ในพื้นที่ขอให้รายงานปลัดกระทรวงและรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อแก้ไข.-สำนักข่าวไทย