เชียงใหม่จัดศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าฯ เป็นเซฟตี้โซนปลอดฝุ่น

ภูมิภาค 27 มี.ค. – ปัญหาค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในหลายพื้นที่เริ่มดีขึ้น ที่ จ.เชียงใหม่ เปิดเซฟตี้โซนช่วยบรรเทาปัญหาประชาชนได้รับผลกระทบจากฝุ่นควันพิษ ขณะที่จังหวัดในภาคอีสานเริ่มเผชิญภัยแล้ง 


สถานการณ์หมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กใน จ.เชียงใหม่ มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังไม่พ้นวิกฤติ โดยค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กใน 4 สถานีตรวจวัดฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 60-90 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ขณะที่ทางศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนบน เตรียมวางแผนทำฝนหลวง บริเวณ จ.เชียงราย และเชียงใหม่


ด้านนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เผยว่า เพื่อเป็นการลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ได้จัดเตรียมห้องเอสเอ็มอี ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ ให้เป็นเซฟตี้โซน หรือจุดบริการพักผ่อน สำหรับประชาชนที่ต้องการลดผลกระทบจากฝุ่น โดยภายในห้องมีระบบฟอกอากาศ และเครื่องปรับอากาศ สามารถรองรับประชาชนได้วันละ 1,000 คน 


ส่วนที่ ต.ยุหว่า และ ต.น้ำบ่อหลวง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เกิดพายุลมแรง ฝนตก พัดหลังคาบ้านเรือนประชาชนเสียหาย 40 หลังคาเรือน ประชาชนส่วนใหญ่อยู่ในอาการตื่นตระหนก และของใช้ภายในบ้านได้รับความเสียหาย ทางจังหวัดอยู่ระหว่างสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือ

ที่ จ.น่าน ค่าฝุ่นละอองดีขึ้น หลังมีฝนตกลงมา ทำให้สภาพอากาศโดยรวมดีขึ้น แต่ยังต้องเฝ้าระวังผืนป่าในพื้นที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ และบริเวณพื้นที่สันห้วยตูบ หลังเกิดไฟไหม้ป่าเบญจพรรณเป็นวงกว้าง เสียหายกว่า 10 ไร่ โดยมีสาเหตุมาจากการจุดไฟล่าสัตว์ และใช้มาตรการห้ามเผาเด็ดขาด 60 วัน ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน 2562 หวังให้ฝุ่นละอองขนาดเล็กลดลงอย่างต่อเนื่อง

ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพิษณุโลก คาดการณ์ปีนี้ฤดูร้อนยาวนานกว่าทุกปี หลายพื้นที่ต้องเผชิญภัยแล้ง โดยเฉพาะแม่น้ำยม ที่ไหลมาจาก จ.สุโขทัย ผ่าน อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ขณะนี้ปริมาณน้ำน้อยมาก บางจุดเริ่มแห้งขอด ประกอบกับปริมาณน้ำในเขื่อนหลักแทบไม่มีน้ำไหลเข้า จึงเตือนเกษตรกรงดการทำนารอบ 2 เพราะอาจเกิดความเสียหายจากการไม่มีน้ำ และอาจเกิดการแย่งน้ำทางการเกษตรได้

ส่วนที่ จ.มหาสารคาม สภาพอากาศร้อนจัด ทำให้แหล่งน้ำเริ่มแห้งขอด โค-กระบือ 100 ตัว ในพื้นที่บ้านดอนตูม ต.แก่งเลิงจาน ขาดแคลนหญ้าสด และฟางฟ่อนเริ่มไม่เพียงพอ ทำให้เกษตรกรต้องไล่ต้อนฝูงสัตว์ลงไปแช่น้ำคลายร้อน และแทะเล็มตอซังหญ้าแห้งแทน ประทังหิว

ขณะที่ จ.ยะลา มีการเปิดศูนย์ช่วยเหลือภัยแล้ง พร้อมปล่อยขบวนรถน้ำ และเครื่องจักรกล ลงพื้นที่ขุดเจาะบ่อน้ำตื้น และขุดลอกคูคลอง หาแหล่งน้ำ บรรเทาปัญหาภัยแล้ง บ่อน้ำตื้น ขุดสระน้ำ ขุดลอกคูคลอง โดยปี 2562 ตั้งเป้าขุดเจาะบ่อน้ำตื้น 172 บ่อ ขุดลอกฝาย 5 แห่ง ซึ่งขณะนี้ขุดบ่อน้ำตื้นไปแล้ว 30 บ่อ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง