สธ.13 มี.ค.-รองปลัด สธ.เผยมติ คกก.ยาว่าด้วยเรื่องยาแผนโบราณที่มีแอลกอฮอล์ หลังพบปัญหาการนำไปใช้ในทางที่ผิด เตรียมออกประกาศ สธ.กำหนดให้ยาแผนโบราณในรูปแบบยาน้ำชนิดรับประทาน ต้องไม่มีแอลกอฮอล์ในยาสำเร็จรูป พร้อมกำหนดคำเตือนให้ใช้ด้วยความระมัดระวัง ห้ามใช้ในผู้แพ้ หญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร เด็กต่ำกว่า12 ปี และผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วัน นับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (รองปลัด สธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการยา ว่าจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีการอนุญาตการขึ้นทะเบียนตำรับยาแผนโบราณที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ โดยมีวัตถุประสงค์ของการนำแอลกอฮอล์มาใช้ เพื่อเป็นสารช่วยในการสกัด เป็นวัตถุกันเสีย เป็นน้ำกระสายช่วยให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นและเป็นตัวทำละลายยาตัวอื่น แต่พบว่ามีความนิยมในการบริโภคยาแผนโบราณประเภทนี้เพิ่มมากขึ้น โดยส่วนหนึ่งเป็นบุคคลบางกลุ่มที่นำยาไปใช้ในทางที่ผิดเพื่อให้เกิดอาการมึนเมา ซึ่งยาแผนโบราณประเภทดังกล่าวสามารถหาซื้อได้สะดวกกว่าการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทอื่น รวมทั้งฉลากและเอกสารกำกับยาระบุคำเตือนที่ไม่ชัดเจน โดยหากรับประทานยาประเภทดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และเกิดปัญหาไม่ต่างจากการดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อื่นๆ
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวเพิ่มเติมว่า อย.เล็งเห็นถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในวงกว้างจึงได้เสนอในคณะกรรมการยา วันนี้(13มี.ค.)ให้พิจารณาเรื่องยาแผนโบราณที่มีแอลกอฮอล์ โดยมติที่ประชุมได้พิจารณาแล้วว่าให้จัดทำประกาศกระทรวงสาธารณสุข เพื่อกำหนดให้ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณในรูปแบบ ยาน้ำชนิดรับประทานต้องไม่มีแอลกอฮอล์ในยาสำเร็จรูป
นอกจากนี้เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคที่รับประทานยาประเภทดังกล่าว และทราบถึงผลที่เกิดจากการรับประทานยาจึงได้ออกประกาศกำหนดคำเตือนสำหรับยาแผนโบราณในมนุษย์รูปแบบยาน้ำชนิดรับประทานที่มีเอธิลแอลกอฮอล์ (Ethyl alcohol) ในยาสำเร็จรูป ดังนี้
1. ยาที่มีเอธิลแอลกอฮอล์ (Ethyl alcohol) ผสมอยู่ …% v/v ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง
2. ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้แอลกอฮอล์
และ 3. หญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร เด็กต่ำกว่า 12 ปี และ กลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง เช่น โรคตับ โรคลมชัก ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาทุกครั้ง
ทั้งนี้ คำเตือนทั้งหมด ให้ใช้ตัวอักษรเส้นทึบและสำหรับคำเตือนตามข้อ 1 ต้องใช้ตัวอักษรขนาดความสูงไม่น้อยกว่า 1.5 มิลลิเมตร ส่วนการแสดงข้อความคำเตือนตาม ข้อ 2 และ 3 ต้องใช้ตัวอักษรให้มองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งข้อความทั้งหมดอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมสีของกรอบและข้อความต้องตัดกับสีพื้นของฉลาก
รองปลัด สธ.กล่าวตอนท้ายว่า ขอให้ผู้รับอนุญาตผลิต / นำหรือสั่งยาแผนโบราณเข้ามาในราชอาณาจักรมาดำเนินการแก้ไขทะเบียนตำรับยาให้เป็นไปตามประกาศฯ ที่กำหนด ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ประกาศฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับ โดยประกาศฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วัน นับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป .-สำนักข่าวไทย