6 พรรคการเมืองประชันนโยบายเศรษฐกิจ

ม.หอการค้าไทย 13 มี.ค. – 6 พรรคการเมืองประชันวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจ หวังแก้ปัญหาปากท้องประชาชน  


หอการค้าไทยจัดดีเบตตัวแทนพรรคการเมืองด้านเศรษฐกิจ เชิญ 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ เพื่อไทย ชาติพัฒนา ภูมิใจไทย และอนาคตใหม่ มาร่วมตอบข้อซักถามพรรคการเมือง การขับเคลื่อนเรื่องที่ประชาชนและเอกชนให้ความสนใจ 


นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ปัจจุบันการแข่งขันทางการค้าและระบบเศรษฐกิจโลกมีรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมาจากปัจจัยด้านความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรม จึงควรขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการพัฒนาแรงงานภาคอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพอย่างเป็นรูปธรรม โดยการปรับเปลี่ยนทักษะ (Re-skill) และเพิ่มทักษะ (Up-skill) ฝีมือและความชำนาญทั้งในเชิงคุณภาพและมาตรฐานของแรงงานไทยให้สอดรับกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง ช่วยลดอัตราการว่างงานในประเทศ นอกจากนี้ จะมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก สนับสนุนแนวทางชุมชนจัดการตนเองเพื่อให้ชุมชนอยู่ได้  ประเทศไทยยั่งยืน

นายโภคิน พลกุล กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเข้าถึงเทคโนโลยีได้ก่อนก็ได้เปรียบ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทใหญ่ ๆ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องช่วยสร้างระบบสร้างสิ่งแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อคนตัวเล็ก เอสเอ็มอีในการเข้าถึงไอที พร้อมกับใช้กลไกสถาบันการเงินรัฐ เติมทุนเติมสินเชื่อ และความรู้เพื่อใช้เงินให้เกิดประโยชน์ พร้อมทลายเป็นอุปสรรคต่อการทำกิน โดยจะกิโยตินกฎหมาย และต้องสร้างโอกาสให้เกิดธุรกิจใหม่ เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ทำธุรกิจมากขึ้น นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยมองว่าจะต้องส่งเสริมบทบาทของประชาชนและท้องถิ่น ให้เข้ามาร่วมออกแบบยุทธศาสตร์ไปด้วยกัน โดยการกระจายอำนาจทั้งในเชิงภารกิจและทุน ซึ่งส่วนกลางจำเป็นจะต้องแบ่งเงินทุนออกไปให้ท้องถิ่นมากเพิ่มขึ้นด้วย โดยพรรคเพื่อไทยตั้งเป้าจะยกระดับตัวเลขด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติปีละ 40 ล้านคน เป็น 50 ล้านคน พร้อมเพิ่มรายได้จาก 2 ล้านล้านบาท เป็น 3 ล้านล้านบาท เพิ่มการจ้างงานด้านการท่องเที่ยวจาก 6.4 ล้านงาน ให้เป็น 8 ล้านงาน 


นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร ที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า การเปลี่ยนรูปแบบการคมนาคมขนส่งจากระบบถนน มาเป็นการใช้ระบบราง ด้วยรถไฟเป็นหลักแทน และเร่งสร้างให้ระบบรางรถไฟ มีเส้นทางการคมนาคมที่ครอบคลุมโยงใยทั่วประเทศ จนสามารถกลายเป็นการคมนาคมหลักของประเทศ ทำให้เกิดการจ้างงาน ถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน นอกจากนี้ พรรคอนาคตใหม่มีนโยบายที่จะทำลายทุนผูกขาดในประเทศไทย โดยกลุ่มอภิสิทธิ์ชนที่กุมอำนาจทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในประเทศไทย ด้วยแก้กฎหมายที่เอื้อให้เกิดการผูกขาด กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ด้วยการเปิดใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารเพิ่มขึ้น ให้ธนาคารไปตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ต่างจังหวัดได้ ช่วยพัฒนาท้องถิ่น เกิดการจ้างงานในท้องถิ่นด้วย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า การลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี จะช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรมได้ทั้งอุตสาหกรรมแปรรูป การยกระดับสินค้าชุมชน ช่วยเพิ่มรายได้และกระจายความเจริญไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ใช่กระจุกตัวเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลเท่านั้น และประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นประธานอาเซียนปีนี้ จึงควรเร่งสร้างเอกภาพระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน พร้อมเจรจากับจีนช่วยเจรจาการค้าผลักดันธุรกิจการส่งออก และนำจุดแข็งประเทศไทยด้วยการมีอาหารที่หลากหลายผลักดันธุรกิจอาหารสู่การเป็นครัวโลก นอกจากนี้ การลดความเหลื่อมล้ำในสังคมต้องมีระบบสวัสดิการที่ดี การประกันรายได้เกษตรกร นอกจากนี้ บริการพื้นฐานโดยเฉพาะด้านการศึกษา และด้านสาธารณสุข ต้องมีความเป็นธรรมมากขึ้น พรรคประชาธิปัตย์จะขยายการเรียนฟรี การกระจายโอกาสทั้งเรื่องสถานศึกษา และสถานพยาบาล 

นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยมุ่งมั่นที่จะลดอำนาจรัฐ เพื่อปากท้องประชาชน ด้วยการแก้กฎหมาย ทลายทุกข้อจำกัด ที่ขัดขวางการสร้างรายได้ของประชาชน  โดยจะเริ่มจากการแก้ปัญหาราคาพืชผลเกษตรกร พร้อมเสนอกฎหมายตั้งกองทุนข้าว ระบบกำไรแบ่งปัน เพิ่มรายได้ให้ชาวนา กำหนดโควตาการส่งออก จัดทำประกันภัยความเสี่ยง และบริหารแบ่งปันกำไร พร้อมเปิดโอกาสให้คนไทยสามารถหารายได้จากทรัพย์สินของตนเอง เช่น สามารถขับ Grab ได้อย่างถูกกฎหมาย , AirBNB เป็นต้น ขณะเดียวกันจะผลักดันให้ภาคเอกชน เช่น หอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เป็นต้น พร้อมย้ำจุดยืนเดินหน้ากัญชาเสรีจะให้ประชาชนมาปลูกได้ ขายได้ แต่ต้องผ่านการดูแลของรัฐ ที่สำคัญ คือ สร้างรายได้ให้กับให้กับประชาชน

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ถึงเวลาที่จะหยิบจุดแข็งของประเทศ คือ ภาคเกษตรมาเพิ่มศักยภาพ สร้างการแข่งขันอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมาเกษตรกรมักเผชิญปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ โดยการนำเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับภาคเกษตรในรูปแบบ “สมาร์ท ฟาร์มเมอร์” ( Smart Farmer) เพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงระบบข้อมูลข่าวสารและความพร้อมด้านการเกษตร รวมถึงการจัดหาตลาดรับซื้อผลผลิตล่วงหน้า (Future market) เพื่อทำให้เกษตรกรมีความมั่นใจมากขึ้นในการผลิตพืชผลทางการเกษตร ขณะที่จุดแข็งอีกด้าน คือ ภาคการท่องเที่ยว ต้องผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ ส่งเสริมให้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดเด่นเพิ่มขึ้น การผลักดันให้มีสถานที่ในประเทศไทยไว้จัดประชุม-สัมมนาสำหรับนักลงทุนมากขึ้น ควบคู่กับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไว้รองรับด้วย พร้อมยกระดับเศรษฐกิจไทยสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น รองรับการสื่อสารระบบ 5G ในอนาคต 

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นโยบายแต่ละพรรคการเมืองตั้งเป้าที่จะทำให้คนไทยดีขึ้น รวยขึ้นและยั่งยืน แต่สิ่งที่ภาคเอกชนอยากเห็นและอยากให้เร่งดำเนินการ  คือ ต้องการให้มีการกระจายรายได้ กระตุ้นการท่องเที่ยว เร่งผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในโครงการที่คุ้มค่า เช่น รถไฟฟ้าความเร็วสูง แก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัยและใบอนุญาตที่ไม่จำเป็น ยอมรับห่วงนโยบายประชานิยม เช่น การแจกเงินเพียงอย่างเดียว นั้นอาจจะช่วยได้เพียงระยะสั้น ควรมีวิธีการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนระยะยาว อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าภาคเอกชนต้องการรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยมีความคิดที่จะพัฒนาไป . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.โต้กัมพูชาอ้างขุดพบ MK-84 ชี้ระเบิดเก่าขึ้นสนิม ยันไม่ใช่ของไทย

31 ก.ค.- โฆษกกองทัพอากาศ ยันระเบิดที่ถูกขุดพบจากกัมพูชา ไม่ใช่ของกองทัพอากาศที่ปฏิบัติกับฐานที่มั่นทางทหารของกัมพูชา ตั้งข้อสังเกตเก่า เหมือนถูกขุดจากใต้ที่พักอาศัย จากกรณีที่พบระเบิด MK-84 ที่กัมพูชาขุดขึ้น ตามที่เฟซบุ๊กของนายแฮง รัตนา เอาภาพมาลงนั้น พลอากาศโท ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ ระบุกว่า ได้มีข้อสังเกตว่า ระเบิดดังกล่าวอยู่ในสภาพเก่าและมีลักษณะคล้ายถูกขุดขึ้นมาจากใต้ที่พักอาศัยของประชาชน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากปฏิบัติการทางอากาศในช่วงที่ผ่านมา ดูจากสภาพที่ขึ้นสนิมไม่ใช่ของกองทัพอากาศไทย เนื่องจากลูกระเบิดที่กองทัพอากาศใช้มีสภาพใหม่และสมบูรณ์ ไม่เป็นสนิมขนาดนั้น ดูจากเส้นรอบวงโดยประมาณและความยาวคาดว่าเป็นลูกระเบิดอากาศขนาด 2000 ปอนด์ แบบตะวันตกที่มีใช้ทั่วไปสภาพความลึก และวางขนานกับพื้น ไม่เหมือนทิ้งจากเครื่องบิน .-313 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” ปัดตอบเสียปราสาทตาควาย ไม่เชื่อลมปากตระกูลฮุน

กระทรวงมหาดไทย 31 ก.ค.- “ภูมิธรรม” เสียใจผู้อพยพจบชีวิตเหตุเครียดอยากกลับบ้าน ขอประเมินให้ปลอดภัยก่อน บอกไทยประสบความสำเร็จยึดดินแดนได้ ปัดตอบเสียปราสาทตาควาย ไม่เชื่อลมปาก 2 พ่อลูกตระกูลฮุน ชี้ ทหารกัมพูชา 18 นาย รุกล้ำเข้าไทยหลังประกาศหยุดยิง เตรียมส่งตัวคืน แต่อีกฝ่ายปล่อยเฟกนิวส์ จึงต้องคุมตัวสอบก่อน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะนี้ประชาชนที่อยู่ในศูนย์อพยพสามารถเดินทางกลับบ้านได้แล้วหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้พบว่ามีประชาชนฆ่าตัวตาย เพราะเครียดต่อสถานการณ์และอยากกลับบ้าน ว่าตนขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต พร้อมยอมรับว่าเป็นความห่วงใยของรัฐบาล แม้ว่าจะอยากให้เดินทางกลับบ้านพักเลยแต่สถานการณ์ยังไม่มั่นใจ 100 % เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่กัมพูชาพูดสามารถเชื่อได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมามักบิดเบือนจากข้อเท็จจริง ซึ่งต้องรอการประเมินอีกครั้งหนึ่งก่อนว่าหากไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็สามารถเดินทางกลับบ้านพักได้ ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าการที่กัมพูชาพาผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงพื้นที่ เป็นเพราะเขาเป็นผู้ก่อเหตุจึงมั่นใจว่าเราจะไม่ทำอะไร และเราเองก็เป็นฝ่ายถูกกระทำ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่มั่นใจว่ากัมพูชาจะกระทำอย่างไร ส่วนไทยจะใช้มาตรการเชิงรุกทั้งด้านการทูตและด้านพื้นที่อย่างไร นายภูมิธรรม ระบุว่า ขณะนี้เราไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา การดำเนินการต่างๆเราก็คุยกับนานาชาติอยู่เสมอ แต่ข้อสำคัญอยู่ที่หลักฐานเพราะเขาพูดไปได้เรื่อยๆ แต่เราพูดมีหลักฐานรองรับ ขณะที่ข้อเท็จจริงเรื่องปราสาทตาควายที่มีการพูดกันว่าทางกัมพูชาเข้าครอบครองตัวปราสาท แต่เราได้ครอบครองเพียงพื้นที่โดยรอบ นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากพูดถึงในแง่การยุทธ์ การยึดคืนในพื้นที่ต่างๆ ถือว่าเราประสบความสำเร็จ ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แล้วพื้นที่ตัวปราสาทเป็นเช่นไร […]

กต.นำผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่จุดปะทะชายแดนพรุ่งนี้

31 ก.ค. – โฆษก กต. เตรียมนำผู้ช่วยทูตทหาร ลงพื้นที่จุดปะทะ พรุ่งนี้ (1 ส.ค.68) ขณะที่ ผบ.ทสส.มาเลเซีย พบแม่ทัพภาคที่ 1 และ 2 เพื่อรับฟังสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงว่าที่ทูตสหรัฐประจำประเทศไทยคนใหม่ เตือนไทยทำสงครามกับเพื่อนบ้านจะเป็นอันตรายต่อความเป็นพันธมิตรไทย-สหรัฐ ตรวจสอบแล้วว่ามีการพูดจริง แต่เป็นการพูดในการพิจารณารับรองของกับวุฒิสภาสหรัฐ กัมพูชาเอาไปปั่นกระแส เสมือนว่าพูดโจมตีประเทศไทย ส่วนกรณีกัมพูชาเชิญผู้แทนทางทูตและผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารจาก 13 ประเทศ ลงพื้นที่จุดผ่อนปรน เรื่องนี้ไทยไม่กังวล แต่กัมพูชาควรกังวลมากว่า เพราะเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เพราะฉะนั้นถ้าทูตสำรวจละเอียดจริง ก็คงเห็นข้อเท็จจริง และขณะนี้กระทรวงกลาโหมของไทยกำลังประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และจะนำผู้ช่วยทูตทหารและสื่อมวลชนลงพื้นที่ในส่วนของไทยเหมือนกัน โดยคาดว่าจะเป็นวันศุกร์นี้ (1 ส.ค.) จะได้เห็นสถานที่ เห็นข้อเท็จจริง และเห็นพื้นที่ที่เกี่ยวกับการทำร้ายประชาชน ผบ.ทสส.มาเลเซีย พบแม่ทัพภาพ 1-2 รับทราบข้อเท็จจริง ด้าน พลเอก ดาโต๊ะ โมฮัมหมัด นิซัม จาฟฟาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซีย […]

เอกอัครราชทูตชี้แจงข้อเท็จจริงยูเอ็น ปมกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

31 ก.ค. – เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ขึ้นเวทียูเอ็น ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ระหว่างการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศว่าด้วยการระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีและการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ระหว่างการกล่าวถ้อยแถลง เนื่องจากกัมพูชากล่าวพาดพิงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเวทีดังกล่าว ไทยเข้าร่วมการประชุมโดยมีเป้าหมายร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศในการผลักดันการแก้ปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีผ่านแนวทางสองรัฐ.-สำนักข่าวไทย