สระบุรี 26 ก.พ. – ความฝันหรือความจริงกับ “ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ” สานฝันฟุตบอลไทยไปฟุตบอลโลก 2026 เมื่อเทียบกับ เวียดนาม คู่แข่งในอาเซียน
ขณะนี้หลายพื้นที่ เริ่มประสบปัญหาแล้งแล้ว กรมชลประทาน ขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกร ลุ่มน้ำเจ้าพระยางดปลูกข้าวต่อเนื่อง หันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทน เช่น มะละกอ ถั่วต่างๆ ข้าวโพด หรือแก้วมังกร เพื่อลดความเสี่ยงขาดแคลนน้ำในอนาคต และให้การบริหารจัดการน้ำเพียงพอต่อการใช้งานทุกภาคส่วน อย่างยั่งยืน
ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติของไทยที่ผ่านมาเริ่มต้นที่หนองจอก ก่อนย้ายมาที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี แต่ทั้งสองแห่งตั้งอยู่บนที่ดินส่วนตัว แต่ล่าสุด สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ไปดูสถานที่ในการก่อสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติหนองจอก บนเนื้อที่ 15 ไร่ เปิดใช้ในช่วงปี 2549 ในยุคที่ “บังยี” นายวรวีร์ มะกูดี ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลจนถึงปี 2558 แต่ประสบปัญหามากมายในการใช้งาน รวมถึงไม่มีทางเข้าออกที่ไม่ถูกต้อง ทำให้นักเตะทีมชาติไทยหลายชุดไม่มีสถานที่เก็บตัวฝึกซ้อมที่แน่นอน จนมาถึงยุค “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เข้ามาเป็นนายกสมาคมในปี 2559 จึงได้มีการตรวจสอบและดำเนินการฟ้องร้องสมาคมชุดเก่า จนเดือนตุลาคมปี 2561 “บิ๊กอ๊อด” จึงได้ประกาศปิดศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติหนองจอก อย่างเป็นทางการ
จากนั้นปลายเดือนพฤศจิกายน ปี 2560 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พร้อมด้วย จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานฟีฟ่า และ ชีค ซัลมาน บิน อิบรอฮิม อัล คอลิฟะห์ ประธาน เอเอฟซี ได้ร่วมกันเปิดศูนย์พัฒนาศักยภาพกีฬาฟุตบอล ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี บนเนื้อที่ 22 ไร่ มีอาคารสปอร์ต คอมเพล็กซ์, ห้องฟิตเนส, สปา, เซาว์น่า, สนามหญ้าจริง, หญ้าเทียม, สนามฟุตวอลเลย์, สนามฝึกซ้อมผู้รักษาประตู ซึ่งก็ยังอยู่บนที่ดินส่วนตัว และที่ดินของภาคเอกชน ทำให้สมาคมกีฬาฟุตบอลไทย เล็งหาที่ดินของภาครัฐที่จะมาสร้างเป็นศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติเพิ่มเติม
ล่าสุด เมื่อวานนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พร้อม ดร.ก้องศักดิ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้เดินทางไปที่ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เพื่อสำรวจพื้นที่เตรียมสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ เพิ่มเติมในอนาคต โดย“บิ๊กอ๊อด” กล่าวว่า ปีหน้า ฟีฟ่า จะให้เงินสมาคมฯ 80 ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก ตอนนี้สิ่งที่จำเป็นที่สุด คือ ที่ดิน โดยตนเองได้มองหาที่ดินมาตลอด ซึ่งหลังจากพูดคุยกับผู้ว่า กกท.แล้ว ท่านเห็นว่ามีที่ดินของศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ ภายใต้การดูแลของ กกท. อยู่ในแต่ละจังหวัด
โดยสมาคมกับ กกท. ทำงานร่วมกันได้ ตามเงื่อนไขของฟีฟ่า เช่น สร้างที่ทำการสมาคมฯ หรือสนามฟุตบอล เราจะขอเช่า กกท. ด้วยสัญญา 20 ปี จากนั้นจะเอาหลักฐานไปยื่นกับฟีฟ่า เพื่อขอเงิน เพราะฟีฟ่ามีเงินอยู่แล้ว แต่อยู่ที่ว่าเราจะเอาไปทำอะไร การเอาเงินมาลงทุนกับที่ดินของรัฐบาล ทุกอย่างที่สร้างก็ตกเป็นของรัฐ ทำเช่นนี้ย่อมดีกว่าปล่อยโอกาสพัฒนาด้านการสร้างศูนย์ฟุตบอลหลุดมือไป สมาคมฯ ทำอะไรไม่ได้หากไม่มีการสนับสนุนจากรัฐบาล ผมอยากให้ศูนย์ฝึกฟุตบอลทุกที่มีสนามฟุตบอล, ฟิตเนส และสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร
สำหรับเป้าหมายพาทีมฟุตบอลไทย ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2026 นอกจากการวางรากฐานที่ดีทั้งระบบให้กับวงการฟุตบอลไทย, การมีฟุตบอลลีกที่เข้มแข็ง, นักเตะก้าวสู่การเป็นนักเตะอาชีพในต่างแดน เช่นเดียวกับชาติมหาอำนาจลูกหนังในเอเชียทั้งญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่มีศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติของตัวเอง จึงถือเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นที่จะช่วยให้นักเตะมีสถานที่เก็บตัวฝึกซ้อมที่แน่นอน สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน การดูแลรักษาอาการบาดเจ็บ กายภาพบำบัด เพื่อดูแลนักเตะอย่างใกล้ชิด
ซึ่งหากจะย้อนกลับมาดูประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนคู่แข่งของไทย ที่วางเป้าหมายไปฟุตบอลโลกเช่นเดียวกัน และมีการวางแผนลงทุนอย่างจริงจัง จนทำให้มีผลงานที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาคือ เวียดนาม ที่คว้ารองแชมป์ฟุตบอลยู 23 ปีชิงแชมป์เอเชีย 2018, คว้าอันดับ 4 ฟุตบอลเอเซียนเกมส์ 2018, เยาวชน 20 ปี ผ่านเข้าไปชิงแชมป์โลกในปี 2017, คว้าแชมป์อาเซียน 2018 และล่าสุด ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเอเชียน คัพ 2019
โดยผลงานที่เกิดขึ้นมาจากความจริงจังของผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้อง จนส่งผลไปถึงนักเตะ เวียดนามวางแผน 3 ระยะ
ระยะสั้น : เน้นผลงานทีมชาติชุดใหญ่ เพื่อรักษาศรัทธาแฟนบอล,สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆรุ่นใหม่ ส่วนเยาวชนเน้นผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายของเอเชีย
ระยะกลาง : อบรมผู้ฝึกสอนเพื่อเติมคุณภาพก่อนกลับไปกระจายตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างคุณภาพผู้เล่นกลับมาสู่ทีมชาติอีกครั้ง ส่วนทีมชาติทุกชุดจะมีการดึงอดีตนักเตะทีมชาติเข้ามาทำงานร่วมกับโค้ชต่างชาติร่วมกันพัฒนาโครงสร้างฟุตบอล
ระยะยาว : สมาคมฟุตบอลเวียดนาม เริ่มต้นว่าจ้าง ฟิลลิปป์ ทรุสซิเยต์ โค้ชชาวฝรั่งเศส วางแผนการพัฒนาฟุตบอลเวียดนามอย่างจริงจัง ตั้งแต่ปี 2018 โดยมีเด็กเข้ามาสู่โครงการทีมชาติตั้งแต่ 8 ปี
นอกจากนี้สมาคมฟุตบอลเวียดนาม ยังร่วมกับภาคเอกชนสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลชั้นดี ในฮานอย ชื่อThe Promotion Fund for Vietnamese Football Talent หรือ PVF ภายในศูนย์ฝึกมีสนามมาตรฐานหญ้าจริง 4 สนาม สนามหญ้าเทียม 3 สนาม หญ้าที่ใช้ปูพื้นสนามได้รับการรับรองจากฟีฟ่า พร้อมทีมงานดูแลพื้นสนามอย่างดี,ห้องพัก,สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ศูนย์ฝึกแห่งนี้เพิ่มความพิเศษในการพัฒนาเยาวชนด้วยเครื่องมือทันสมัยทั้งห้องแล็บฟุตบอลวัดความแม่นยำด้านต่างๆ ทั้งการยิงประตู การให้บอล ระบบของร่างกาย ความเร็วปัจจุบันในศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งนี้มีโค้ชต่างชาติ,นักวิทยาศาสตร์ด้านกีฬา ทำงานให้กับสมาคมฟุตบอลเวียดนามกว่า 30 คน และในอนาคตเวียดนามเตรียมสร้างศูนย์ฝึกเพิ่มอีกแห่งที่มีลักษณะเดียวกันแบบครบวงจรที่โฮจิมินส์ ส่วนศูนย์ฝึกซ้อมเดิมใกล้สนามมิดิ่ง สเตเดี้ยม ก็ยังคงใช้งานเช่นเดิม เพื่อเป้าหมายของเวียดนามคือฟุตบอลโลก 2030
เป้าหมายของไทย ที่จะไปฟุตบอลโลก 2026 กับ เวียดนาม ที่ตั้งเป้าไว้ในปี 2030 ชาติไหนจะทำได้จริงหรือทำได้ใกล้เคียงที่สุดเป็นสิ่งที่น่าติดตาม .- สำนักข่าวไทย
