ดีเอสไอ ค้นบ้านเจ้าหนี้นอกระบบรายใหญ่บางกอกน้อย

ดีเอสไอ 21 ก.พ.-ดีเอสไอ ร่วมทหาร ตำรวจ ลุยตรวจค้นบ้านเจ้าหนี้ นอกระบบรายใหญ่ เก็บดอกเบี้ยเกินอัตรากฏหมายกำหนดและมีพฤติการณ์ข่มขู่ลูกหนี้ 


พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ  รองผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม มอบหมายให้พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม เลขานุการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม นางอุมาพร แพรประเสริฐ  ผู้ช่วยเลขานุการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และคณะพนักงานสืบสวนตามเลขสืบสวนที่150/2561 เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายย่านบางกอกน้อย จำนวน 3 จุด


ทั้งนี้ สืบเนื่องจากศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องร้องขอความเป็นธรรม กรณีนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและถูกนายทุนฟ้องคดีอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 โดยลูกหนี้ต่อสู้คดีว่าเช็คไม่ใช่ของตน และแจ้งว่าเจ้าหนี้มีพฤติกรรมทวงหนี้โดยผิดกฎหมายและบังคับให้ลูกหนี้ลงชื่อในเช็คที่ไม่ใช่ของตนเอง เพื่อเป็นการค้ำประกันการกู้เงิน หากลูกหนี้ไม่ชำระ จะนำเช็คไปฟ้อง ลูกหนี้ส่วนใหญ่กลัวจะติดคุก จึงยอมจ่ายเงินให้กับเจ้าหนี้ ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงลงพื้นที่สืบสวนหาข้อเท็จจริง โดยบันทึกถ้อยคำผู้เสียหาย พยาน ที่เกี่ยวข้องและประสานงานกับหน่วยงานเพื่อขอข้อมูลประกอบการสืบสวน วิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว  ฟังได้ว่าเจ้าหนี้และเครือข่ายมีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย  เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 และประกอบสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต 


กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงบูรณาการสนธิกำลัง เจ้าหน้าที่ทหารชุดกองร้อยรักษาความสงบเรียบร้อย และตำรวจสถานีตำรวจนครบาลบางกอกน้อย เข้าตรวจค้นบ้านเจ้าหนี้นอกระบบในเขตบางกอกน้อยและเครือข่าย จำนวน 3 จุด ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนไม่มีใบอนุญาต สัญญากู้ยืมเงิน และสมุดรายชื่อลูกหนี้ นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางกอกน้อย ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

ทั้งนี้ รัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมให้ความสำคัญการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ถือเป็นนโยบายที่ต้องการอำนวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ โดยการช่วยเหลือประชาชนที่เป็นลูกหนี้และไม่ได้รับความเป็นธรรมจากนายทุนเงินกู้นอกระบบ และเน้นการทำงานเชิงบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษโดยศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนกลุ่มนายทุนหนี้นอกระบบที่มีพฤติการณ์เอาเปรียบลูกหนี้ในรูปแบบต่างๆ เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง 

หากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแส แจ้งได้ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เลขที่128 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210 หรือ สายด่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ โทร.1202 (โทรฟรีทั่วประเทศ) โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเก็บรักษาข้อมูลผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

เปิดวินาทีระเบิดรถกระเช้าเทศบาลรือเสาะ

เปิดนาทีระเบิดรถกระเช้าที่จอดอยู่ในที่จอดรถของเทศบาลตำบลรือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ช่วงเที่ยงวานนี้ (6 ก.พ.) จนพังเสียหาย

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด