30 ก.ค. – สืบนครบาล ร่วมนักสืบ TOP G รวบแก๊งทวงหนี้โหด เครือข่ายเดียวที่รุมทำร้ายยายวัย 73 หลบหนีซุกม่านรูด
จากการลาดตระเวนออนไลน์ พบว่ามีคนร้ายชื่อนายชิต หนึ่งในแก๊งทวงหนี้โหด ที่ร่วมกับพวกอีก 2 คน ก่อเหตุทวงหนี้โหดทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ เตะประตูบ้าน ปิดสวิทช์ไฟฟ้าบ้านลูกหนี้ และล็อกประตูขังลูกหนี้ไม่ให้ออกจากบ้าน โดยศาลอาญามีนบุรี ได้อนุมัติหมายจับซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินอันมีลักษณะเป็นการเรียกดอกเบี้ยเกินอันตราที่กฎหมายกำหนดไว้ , ร่วมกันกระทำการทวงถามหนี้ในลักษณะข่มขู่ ขู่เข็ญฯ ”
จากการสืบสวนทราบว่านายชิต เป็นแก๊งทวงหนี้โหด แก๊งเดียวกับแก๊งทวงหนี้ที่รุมทำร้ายยายวัย 73 ท้องที่ สน.โชคชัย ซึ่งก่อเหตุและถูกจับกุมตัวได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ต่อมาวันนี้ (30 ก.ค.) เวลา 07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาลพร้อมด้วยนักสืบ TOP G ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมนายครรชิต อายุ 33 ปี ผู้ต้องหา โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณ ภายในโรงแรมแห่งหนึ่งในเขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร ขณะกำลังจะขับรถยนต์ส่วนตัวหลบหนีออกจากโรงแรมซึ่งหลบมาเช่าพักรายวัน
ในชั้นจับกุม นายครรชิต ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เดิมทีประกอบอาชีพทำสวนผลไม้ในพื้นที่อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ต่อมาช่วงปี 2565 ตนขายที่ที่ตนทำสวนผลไม้ได้เงินมาก้อนนึง จึงมาปล่อยเงินกู้ โดยมีนายต้า และนายเขต ผู้ต้องหาซึ่งยังหลบหนีที่ร่วมก่อเหตุด้วยกันเป็นทีมงานตระเวนปล่อยเงินกู้ย่านมีนบุรี รามอินทรา ร่มเกล้า อ่อนนุช โดยเรียกเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 20 บาทต่อวัน กับผู้ที่มาขอกู้ยืมเงิน โดยทั่วไปจะมีผู้มาขอยืมกู้ยืมเงินครั้งละประมาณรายละ 5,000-6,000 บาท ซึ่งตน นายต้า นายเขต จะเป็นคนไปตามทวงเงินกับผู้กู้ยืม ในวันเกิดเหตุอ้างว่านายต้า และนายเขต เป็นคนใช้ความรุนแรงกับลูกหนี้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อในคำให้การ ทั้งนี้ จากการสืบสวนทราบว่านายครรชิต เป็นแฟนของน้องสาวนายเคนวิทย์ หรือ เคน หนึ่งในแก๊งทวงหนี้ที่รุมทำร้ายยายวัย 73 ท้องที่ สน.โชคชัย ที่ถูกจับกุมก่อนหน้า ประกอบกับในทางการสืบสวนทราบว่าหลบหนีมาพักอาศัยอยู่ด้วยกันก่อนไหวตัวหนีมาหลบพักในโรงแรมที่ถูกจับกุม เนื่องจากมีคนส่งข่าวให้หลบหนี แต่ก็มาจนมุมชุดสืบสวนขณะกำลังหลบหนีออกจากโรงแรมที่หลบพักในที่สุด ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย. -420- สำนักข่าวไทย