รัฐสภา 18 ก.พ.-สนช.เปิดเวทีเคลียร์ใจตัวแทนชาวนาทั่วประเทศ ปมพ.ร.บ. ข้าว แจงยิบทุกมาตรา พร้อมเดินหน้าถกวาระ 2-3 20 ก.พ. นี้ ขณะที่ชาวนาพอใจ หนุนเร่งออกกม.
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติข้าว นำโดยพล.อ. มารุต ปัชโชตะสิงห์ ประธานกรรมาธิการฯ ได้พบปะเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ข้าวกับผู้แทนกลุ่มชาวนาจากเครือข่ายชาวนาภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออก กลาง และตะวันตกกว่า 100 คน โดยออกหนังสือและชี้แจงด้วยวาจาถึงกระแสข่าวในสังคมออนไลน์หลายประเด็น ว่า ไม่เป็นความจริง ทั้งเรื่องที่ชาวนาต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ หากเพาะเก็บจะต้องโทษจำคุกและปรับ 1 แสนบาท ซึ่งได้ระบุในร่างชัดเจนว่าไม่มีความผิด ชาวนาสามารถแลกเปลี่ยนพันธุ์ข้าวกันได้อย่างอิสระ
“บทเฉพาะกาลระบุให้ผู้ที่ยังไม่รับรองพันธุ์ทยอยปรับตัวเพื่อเข้าสู่ระบบภายใน 3 ปี การซื้อขายเมล็ดพันธุ์ยังเป็นไปตามพ.ร.บ.พันธุ์พืชที่มีอยู่ ไม่ได้ห้ามจำหน่าย ไม่ได้กำหนดให้โรงสีออกใบรับรองข้าวเปลือก แต่ให้ออกใบรับซื้อข้าวเพื่อเป็นหลักฐานเท่านั้น โดยให้ส่งสำเนาแก่กรมการข้าวเพื่อประกอบการจัดทำฐานข้อมูล นอกจากนี้ ในร่างกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าไปตรวจสอบโรงสี โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า การพิจารณาองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการนโยบายข้าว ไม่ได้แน้นแต่ข้าราชการ ที่สำคัญได้รับฟังความเห็นอย่างรอบคอบ ยืนยันว่ากฎหมายดังกล่าวจะสร้างความเป็นธรรมให้แก่ชาวนาอย่างแท้จริง” พล.อ. มารุต กล่าว
พล.อ.มารุต กล่าวว่า ร่างกฎหมายนี้จะเกิดประโยชน์กับเกษตรกรที่ปลูกข้าวโดยตรง เนื่องจากจะป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบ โดยจะเป็นการบูรณาการทั้งภาคการผลิตและภาคการตลาดเข้าด้วยกัน เพื่อให้สอดคล้องทั้งระบบ พัฒนาศักยภาพในกระบวนการผลิต การพัฒนาให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ สร้างความมั่นคงด้านอาหารและสอดคล้องกับตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ รวมถึงสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย ยืนยันว่าหลักการของร่างกฎหมายนี้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับชาวนาเป็นสำคัญ กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าวและมีคณะอนุกรรมการอีก 2 ชุด คือ คณะอนุกรรมการภาคการผลิต และคณะอนุกรรมการภาคการตลาด เพื่อกำหนดนโยบายข้าวในการปฏิบัติระยะยาวตั้งแต่ต้นทาง กลางทางและปลายทาง ซึ่งจะเป็นการดูแลข้าวอย่างครบวงจร” พล.อ.มารุต กล่าว
ส่วนเรื่องของเมล็ดพันธุ์ พล.อ.มารุต กล่าวว่า ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ยืนยันว่าเมล็ดพันธุ์จะอยู่ในพระราชบัญญัติพันธุ์พืช ซึ่งกรมวิชาการเกษตรจะเป็นผู้ดูแล และกรรมาธิการฯ ไม่ได้ปรับแก้ใด ๆ รวมทั้งยังกำหนดให้รับรองพันธุ์ข้าว เพื่อช่วยแก้ปัญหาเมล็ดพันธุ์ที่ไม่มีคุณภาพ เพื่อให้ชาวนาได้รับเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพ และชาวนายังสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีไว้ใช้เพาะปลูกได้ รวมทั้งในร่างกฎหมายนี้ยังสร้างกติกาเพื่อสร้างความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายในการซื้อขายข้าวเปลือกที่สะท้อนตามความเป็นจริง
“ยอมรับว่าร่างกฎหมายที่สนช.เสนอมาช่วงแรกอาจยังไม่สมบูรณ์ แต่ได้ปรับแก้ จนวันนี้แม้ยังไม่ใช่ร่างสุดท้าย เพราะจะรับฟังและไปปรับในการพิจารณาของสนช.ได้อีก ซึ่งถือได้ว่าเป็นร่างพระราชบัญญัติประวัติศาสตร์ และพร้อมสู้เพื่อให้ร่างกฎหมายนี้ออกมาเป็นของขวัญให้ชาวนา 15 ล้านคน ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวดีขึ้น เพราะมีคุณภาพดี และนายกรัฐมนตรีเองก็ต้องการให้ออกกฎหมายดังกล่าวในรัฐบาลนี้” พล.อ.มารุต กล่าว
ขณะที่ตัวแทนชาวนาส่วนใหญ่ เห็นด้วยที่จะออกกฎหมายดังกล่าวมาดูแล ต่อเนื่องทันที ไม่ต้องรอรัฐบาลหน้า พร้อมเชื่อว่ากรณีที่มีข่าวบิดเบือนเป็นเพราะมีผู้เสียผลประโยชน์ และอาจเป็นเพราะใกล้ช่วงการเลือกตั้ง จึงอยากให้กำลังใจสนช.ออกกฎหมายฉบับนี้ เพราะเห็นว่าหากประกาศใช้เป็นกฎหมาย จะทำให้เศรษฐกิจของไทยดีขึ้น ช่วยให้ข้าวมีคุณภาพ ขายได้ในราคาสูง พร้อมเสนอให้เพิ่มโทษผู้ที่นำเมล็ดข้าวมาจากต่างประเทศ แต่กรรมาธิการชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวระบุในกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว รวมถึงขอให้พิจารณาเรื่องกองทุนข้าวและชาวนาด้วย
ด้านนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ซึ่งเข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุม กล่าวว่า สนช. กำลังพิจารณาอยู่ และจะเขียนถ้อยคำให้ชัดเจน ซึ่งหากในการพิจารณาวาระ 2 จะมีสมาชิกสนช.ช่วยกันพิจารณา ถ้ามีอะไรไม่ถูกต้อง จะปรับแก้ได้ เชื่อว่ากฎหมายนี้เป็นประโยชน์ต่อชาวนา
พล.อ.มารุต ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกระแสข่าวบิดเบือนการกำหนดให้ชาวนาต้องซื้อพันธุ์ หากเพาะเก็บเมล็ดพันธุ์เองจะต้องโทษจำคุกและปรับ 100,000 บาทว่า กระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากตามเนื้อหาในร่างกฎหมายที่สมาชิกสนช. เสนอต่อที่ประชุม ไม่ระบุให้ยกเว้น ไม่ได้บังคับให้ชาวนาแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าว แต่เนื่องจากมีข้อท้วงติงเรื่องการลงโทษ กรรมาธิการฯ จึงตัดบทกำหนดโทษทิ้งทั้งหมด โดยชาวนาที่มีเมล็ดพันธุ์ข้าวสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ ได้อย่างอิสระ เว้นแต่ชาวนา จะทำในลักษณะผู้ประกอบการเพื่อค้ากำไร ที่จะต้องขอรับรองพันธุ์ข้าวก่อนเท่านั้น
“ที่ประชุมสนช.จะพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ในวาระ 2-3 วันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้อย่างแน่นอน แม้จะมีเสียงท้วงติง โดยเฉพาะจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ขอให้ขยายเวลาการพิจารณาเพื่อความรอบคอบ ยืนยันว่ากรรมาธิการ พิจารณาอย่างรอบคอบกว่า 2 ปี และปรับรูปแบบการเขียนกฎหมายจากมาตรา 26 เป็น มาตรา 27/1 ที่นอกจากจะยกเว้นไม่บังคับชาวนาแล้ว ยังเสนอให้เพิ่มบทเฉพาะกาลที่จะให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับรองพันธุ์ได้ปรับตัวเพื่อเข้าสู่ระบบภายในเวลา 3 ปีด้วย ซึ่งในช่วงระหว่างนี้ ผู้ประกอบการที่จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ และยังไม่ได้รับการรับรองพันธุ์สามารถจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ได้ตามปกติ แต่เมื่อครบ 3 ปีแล้ว ยังเปิดโอกาสให้กระทรวงเกษตรฯ พิจารณาว่าจะขยายเวลาออกไปหรือไม่” พล.อ.มารุต กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่างพระราชบัญญัติข้าวที่เสนอโดยสนช. เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2561 แต่ที่พิจารณาล่าช้า เนื่องจากเข้าข่ายเป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงิน จึงต้องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อน นำเสนอต่อสนช. เพื่อพิจารณาในวาระที่ 1 จึงยืนยันว่าเป็นการพิจารณาตามขั้นตอนตามปกติ ไม่ได้เร่งรัดแต่อย่างใด สำหรับสาระสำคัญโดยสรุปของร่างพ.ร.บ.ข้าว คือ ให้วิเคราะห์และจัดทำเขตศักยภาพการผลิตข้าว หรือ Zonig ทั้งประเทศให้เสร็จสิ้นภายใน 3 ปี ให้ดูแลสนับสนุนเรื่องคุณภาพ มาตรฐานเมล็ดพันธุ์ข้าว
ให้มีคณะอนุกรรมการนโยบายข้าว(นบข.) ด้านการผลิต มีหน้าทื่กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการคำนวณต้นทุนการผลิตเพื่อให้ได้มาซึ่งข้าวเปลือกและผลพลอยได้ และกำหนดผู้รับซื้อข้าวเปลือกต้องจัดทำหลักฐานการซื้อขายตามความจริง เพื่อสร้างกติกาที่ให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายในการซื้อขายข้าวเปลือก เพิ่มองค์ประกอบผู้แทนนบข. ให้มีผู้แทนจากภาคชาวนาเกษตรกร ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมพิจารณาหลักเกณฑ์และวิธีการสนับสนุนช่วยเหลือ พัฒนาด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน และเพิ่มมาตรการป้องกันการลักลอบนำข้าวจากต่างประเทศเข้ามาในไทย.-สำนักข่าวไทย
